ติดต่อ ที่ดินภูเก็ต : ศักดิ์ดา การวิจิตร โทร : 081-5377146 อีเมล์ : s_karnwigit@yahoo.com ...
9 ตุลาคม 2552

เมื่อหน่วยงานที่ถือครองอสังหาริมทรัพย์รอการขายจำนวนมหาศาลคิดเป็นมูลค่านับแสนล้านบาท ทั้งบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย
และ บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ เริ่มรุกหนักในการขายทรัพย์สินที่มีอยู่ ด้วยข้อได้เปรียบด้านราคาที่ถูกกว่า และกลยุทธ์ดึงดูดใจไม่แพ้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ย่อมทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกในการซื้ออสังหาริมทรัพย์มากขึ้น

แต่ใน ขณะเดียวกันแนวทางการทำธุรกิจของทั้ง 2 หน่วยงาน ย่อมทับอยู่บนเส้นทางเดียวกับ ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์อย่างไม่ต้องสงสัย ทำให้การแข่งขันเพื่อแย่งชิงลูกค้าเปิดประตูกว้างขึ้น และรุนแรงมากขึ้น

บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) นั้นมีสินทรัพย์อยู่ในมือ 8 หมื่นล้านบาท และกำลังซื้อ เพิ่มจากกรมบังคับคดีอีก 2 หมื่น ล้านบาท จะทำให้บสท.มีอสังหาริมทรัพย์รอขายอยู่ในมือในหลักแสนล้านบาท

มีทั้งที่ดินเปล่า บ้านทุกประเภท ที่สำคัญหน่วยงานดังกล่าวกำลังจะหมดอายุตามกฎหมายในกลางปี 2554 หรือเหลืออีก 1 ปีเศษ ที่จะทำการบริหารจัดการทรัพย์สินที่มีอยู่ ซึ่งทำให้บสท.ต้องเร่งขายสินทรัพย์ออกมาให้มากที่สุดก่อนที่จะปิดตัวลง

กลยุทธ์การขายของบสท.จึงเข้มข้นขึ้นเพื่อให้ได้ผลตามที่ตั้งใจ ไว้ อย่างล่าสุด การเปิดกรุที่ดินเปล่าราคาต่ำกว่า 10 ล้านบาท เพื่อเสนอขายให้ผู้บริโภครายย่อย ด้วยเงื่อนไขให้จอง 10% ผ่อนได้ 30% และโอนภายใน 1 ปี หรือการเตรียมเปิดกรุที่ดินรอบๆ ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะที่กำลังกลายเป็นทำเลฮอตมาขาย เพื่อเป้ายอดขายรวมทั้งปีแตะหลัก 8,000 ล้านบาท

แม้ว่าจะไม่พูดเรื่องราคาว่าจะต่ำกว่าตลาดมากน้อยเพียงใด แต่เมื่อลองเทียบราคาเปิดขายกับราคาตลาดในหลายรายการของสินทรัพย์ที่นำมาขาย แล้วต้องบอกว่าถูกกว่าไม่มากก็น้อย

สำหรับบริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ ที่รับโอนหนี้เสียของสถาบันการเงินและบริษัทบริหารสินทรัพย์อื่นๆ มาบริหาร โดยมีสินทรัพย์รอการขายอยู่ในมือราว 4 หมื่นล้านบาท ที่ผ่านมามีกลยุทธ์การขายที่ไม่ธรรมดา โดยเฉพาะการเปลี่ยนสภาพโครงการเก่าๆ หรือโครงการร้างให้กลับมาเป็นโครงการใหม่เอี่ยม และนำมาขายในราคาน่าสนใจ

ไม่ว่าจะเป็นโครงการบ้านบสก. ที่ร่วมกับผู้ประกอบการรายเล็กฟื้นโครงการสร้างค้างกลับมาขายใหม่ เช่นเดียวกับโครงการล่าสุด สมาร์ท คอนโด ที่เข้าไปปรับปรุงห้องชุดก่อนนำมาขาย แถมยังมีสินเชื่อให้บริการกับลูกค้าที่หาแหล่งเงินกู้ไม่ได้ในอัตรา MLR-3 ตลอด 10 ปี เป็นการปิดการขายแบบเบ็ดเสร็จครบวงจร โดยมียุทธศาสตร์สำคัญคือ ไม่เน้นกำไรสูงสุด แต่เน้นการแก้ไขหนี้ด้อยคุณภาพให้รวดเร็วและได้ผลดีที่สุด

แม้ที่ผ่านมาผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์มักจะมองข้ามการซื้อ ขายสินทรัพย์รอการขายของสถาบันการเงิน ซึ่งเปรียบเสมือนของใช้แล้ว เป็นของมือสองที่อยู่กันคนละตลาด จึงถือว่าไม่ได้เข้ามาแข่งกับตลาดบ้านจัดสรรใหม่แต่อย่างใด แต่สถานการณ์ตลาดเริ่มเปลี่ยนเมื่อของ มือสองที่ถูกปรับปรุงโฉมใหม่มีเงื่อนไขทางการเงินที่น่าสนใจ มิหนำซ้ำราคายังถูกกว่า ย่อมทลายกำแพงระหว่างบ้านใหม่กับบ้านมือสองลงได้

สังเกตได้จากเงินโฮมโชว์ที่มีทั้งบ้านใหม่และบ้านมือสองเสนอขายอยู่ ด้วยกัน คนที่ต้องการซื้อบ้านใหม่ก็ยังแสวงหาทางเลือกที่เป็นบ้านมือสอง เช่นเดียวกับคนที่ต้องการซื้อบ้านมือสองก็หาทางเลือกที่เป็นบ้านมือหนึ่ง เช่นกัน

เมื่อทางเลือกของผู้บริโภคเปิดกว้างขึ้น โอกาสย่อมมีมากขึ้น พร้อมๆ กับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น เพื่อแย่งชิงลูกค้าข้ามตลาดที่จะเกิดขึ้นแน่นอน

ที่มา : โพสต์ทูเดย์ 09-10-52

0 ความคิดเห็น: