เศรษฐกิจวูบมัณฑนากรดิ้นขายบ้าน

นายกสมาคม มัณฑนากรระบุ เศรษฐกิจแย่กระทบอาชีพออกแบบ เด็กจบใหม่ต้องหันทำอาชีพอื่นแทน

นางเมธินี สุวรรณะบุณย์ นายกสมาคมมัณฑนากรแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากภาวะเศรษฐกิจที่ ซบเซาได้ส่งผลกระทบต่ออาชีพมัณฑนากร หรือนักออกแบบตกแต่งภายใน ทำให้งานออกแบบภายในลดลงเป็นอย่างมาก และมีนิสิตและนักศึกษาจบใหม่ต้องหันไปประกอบอาชีพอื่นแทน

“ตอนนี้นักออกแบบภายในแทบทั้งหมดก็พยายามประคับประคองงานที่มีอยู่ให้ เสร็จ งานส่วนใหญ่ที่มีในเวลานี้จะเป็นงานออกแบบตกแต่งคอนโดมิเนียมที่ยังมีอยู่” นาง เมธินี กล่าว

ปัจจุบันมีสถาบันการศึกษาที่เปิดสอนทางด้านมัณฑนศิลป์ สถาปัตยกรรมภายในระดับอุดมศึกษาอยู่ 18 สถาบันทั่วประเทศ ผลิตบัณฑิตต่อปี ราว 350-400 คน ซึ่งมีนิสิตและนักศึกษาเกือบ 50% ที่จบการศึกษาแล้วต้องปรับตัวไปประกอบอาชีพอื่นในสาขาข้างเคียง เช่น ไปเป็นพนักงานขายบ้าน หรือเป็นทีมพนักงานฝ่ายตกแต่งและวัสดุ แต่ก็ถือว่าไม่ห่างจากการประกอบอาชีพนักออกแบบ

“คนมองอาชีพนักออกแบบภายในเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม จากเดิมที่มองว่า เน้นแต่ความหรูหราฟุ่มเฟือย แต่ปัจจุบันไลฟ์สไตล์ของคนเปลี่ยนไป เช่น หันมาอยู่คอนโดมิเนียมมากขึ้น ทำให้คนรู้สึกยอมรับในการออกแบบมากขึ้น” นางเมธินี กล่าว

สำหรับวิชาชีพมัณฑนากรและนักออกแบบภายใน ปัจจุบันถูกควบคุมด้วย พ.ร.บ.สถาปนิก ปี 2543 ใครจะมาประกอบวิชาชีพดังกล่าวจะต้องมีใบประกอบวิชาชีพ ซึ่งจะเป็นการควบคุมถึงการใช้วัสดุในการตกแต่งภายใน เนื่องจากในอนาคตจะมีวัสดุก่อสร้างใหม่ๆ ออกมา การตกแต่งภายในก็ต้องคำนึงถึง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาการตกแต่งภายใน อย่างเช่น การเกิดกรณีไฟไหม้ซานติก้าผับ

นอกจากนี้ ทางสมาคมอยู่ระหว่างการพิจารณาเรื่องการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์สำหรับนักออก แบบภายใน ที่ควรจะมาใช้โปรแกรมที่คิดโดยคนไทยมากขึ้นเพื่อลดค่าใช้จ่าย จากเดิมที่ส่วนใหญ่จะใช้โปรแกรม AUTO CAD เป็นหลัก ซึ่งต่อปีต้องเสียค่าลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ให้กับสหรัฐอเมริกาไม่ต่ำกว่า 1,500 ล้านบาท

ปัจจุบันมัณฑนากรที่เป็นสมาชิกสมาคมมี 2,000 กว่าคน และสมาชิกที่มีเพิ่มขึ้นจะอยู่ในรูปองค์กรที่เป็นนิติบุคคล ล่าสุด บริษัท ทีทีเอฟ อินเตอร์เนชั่นแนล ร่วมกับสมาคมมัณฑนากรแห่งประเทศไทย และสภาวิชการสถาปัตยกรรมภายในและการออกแบบตกแต่งภายในแห่งประเทศไทย จัดงาน อินทีเรียร์ อินเทรนด์ 09 เพื่อ ผลักดันให้เป็นเวทีผลักดันวิชาชีพมัณฑนากร งานจะมีตั้งแต่วันนี้ถึง 13 ก.ย. ที่สยามพารากอน

ที่มา : โพสต์ทูเดย์ 11-09-52