ติดต่อ ที่ดินภูเก็ต : ศักดิ์ดา การวิจิตร โทร : 081-5377146 อีเมล์ : s_karnwigit@yahoo.com ...
16 สิงหาคม 2552

ธปท.คลอด แผนแม่บทการเงิน 2 คาดประกาศใช้ปลายปีนี้ อนุญาตแบงก์ร่วมทุนตั้งบริษัทอสังหาฯพัฒนาเอ็นพีเอ เปิดทางหารายได้ลดต้นทุนกันสำรอง เล็งไฟเขียวต่างชาติซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยน คัสโตเดียน ชี้แบงก์พุงกางฟันส่วนต่างดอกเบี้ยไตรมาส 2 ถึง 2.9% จำเป็นต้องเพิ่มผู้เล่นต่างชาติ ขณะเดียวกันรัฐต้องลดบทบาท แฉต้นเหตุแบงก์รัฐไร้ประสิทธิภาพ

นายบัณฑิต นิจถาวร รองผู้ว่าการสายเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า แผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ฉบับที่ 2 (มาสเตอร์แพลน 2) ที่คาดว่าจะประกาศใช้ในไตรมาส 4 ปีนี้จะเร่งพัฒนาส่งเสริมประสิทธิภาพเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และความแข็งแกร่งของระบบการเงินของไทย ภายหลังจากได้เข้าหารือกับนายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งเห็นชอบร่วมกันในการลดต้นทุนระบบสถาบันการเงิน โดยเฉพาะต้นทุนการกันสำรอง เนื่องจากหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) และทรัพย์สินรอขาย (เอ็นพีเอ) ในระบบธนาคารพาณิชย์ในระดับสูง โดยเอ็นพีแอลและเอ็นพีเอเดือนมิถุนายนสูงขึ้นถึง 545,000 ล้านบาท อยู่ภายใต้การบริหารของบริษัทบริหารสินทรัพย์ (เอเอ็มซี) 489,000 ล้านบาท หากแปรสภาพให้เป็นรายได้จะสามารถลดต้นทุนของระบบธนาคารพาณิชย์ได้ โดยในแผนมาสเตอร์ 2 ได้เปิดช่องให้ธนาคารพาณิชย์ร่วมทุนกับบริษัทเอกชน จัดตั้งบริษัทร่วมทุนขึ้นมาพัฒนาทรัพย์สินรอขาย แต่ต้องแยกบัญชีให้ชัดเจน ส่วนจะให้ ธปท.ปรับลดเกณฑ์กันสำรองคงไม่สามารถทำได้

"ส่วนต่าง ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ไตรมาส 2 พุ่งสูง 2.9% จำเป็นต้องมีการเพิ่มการแข่งขันทั้งจำนวนผู้เล่นรายใหม่ และประเภทธุรกิจ โดยจะเปิดเสรีทางการเงินให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาทำธุรกิจในไทยเพิ่มขึ้น พร้อมกับลดบทบาทภาครัฐในการดำเนินธุรกิจการเงิน เนื่องจากการดำเนินงานที่ผ่านมา สถาบันการเงินภายใต้การกำกับรัฐบริหารงานไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร ทั้งนี้ จะต้องพัฒนาให้สามารถบริหารงานที่สะท้อนการตัดสินใจเชิงธุรกิจมากขึ้น"

นาย บัณฑิตกล่าวว่า ผู้เล่นต่างชาติที่จะเข้ามาใหม่ ธปท.จะพิจารณารูปแบบธุรกิจเฉพาะที่ไทยยังขาดแคลนอยู่ ทั้งสถาบันการเงินฐานราก (ไมโครไฟแนนซ์), อิสลามไฟแนนซ์, บริการปริวรรตเงินตรา และรับฝากหลักทรัพย์ (คัสโตเดียน) มากกว่ารูปแบบการทำธุรกรรมโดยทั่วไป เพื่อให้การเปิดเสรีดังกล่าวสามารถเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ และเพิ่มการใช้จ่ายภายในประเทศอาจจะช่วยลดการพึ่งพาการส่งออกลงได้โดยสถาบัน การเงินที่มีความสามารถเฉพาะทางอย่างแท้จริง คาดว่าปี 2553 จะได้เห็นต่างชาติเข้ามาขยายสาขาในไทยเพิ่มขึ้น หลังจากมาสเตอร์แพลน 2 มีผลบังคับใช้ไปแล้ว โดยมีระยะเวลาดำเนินการ 5 ปี (ปี 2552-2557) โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจในเร็วๆ นี้ โดยเชื่อว่าจะให้ทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้ทั่วถึงมาก ขึ้น จากปัจจุบันร้อยละ 10 ของประชากรทั้งหมด ยังไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้

ที่มา : มติชนรายวัน 14 สิงหาคม 2552

0 ความคิดเห็น: