ติดต่อ ที่ดินภูเก็ต : ศักดิ์ดา การวิจิตร โทร : 081-5377146 อีเมล์ : s_karnwigit@yahoo.com ...
15 สิงหาคม 2552

บ้านบีโอไอ ปลุกตลาดอสังหาฯคึก "บิ๊กบ้านจัดสรร" เล็ก- ใหญ่ จ่อคิวขอแล้วกว่า 40 โครงการมูลค่าหลายพันล้าน ขณะที่บีโอไอขอเวลา เคลียร์เงื่อนไขใหม่ เชื่อหลังชัดเจนแห่ขออีกเพียบ ด้าน"อิสระ บุญยัง" นายกบ้านจัดสรรเตรียมยื่น 3 โครงการ 1 พันยูนิตมูลค่า 1 พันล้าน ขณะที่พฤกษาของ "ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์" รอลุ้น 21 โครงการมูลค่า 5พันล้านจ่อคิวยื่นอีก 10 โครงการมูลค่า 4 พันล้าน

แหล่งข่าวจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ขณะนี้มีผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ 2-3 ราย ได้ยื่นเสนอโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัย เพื่อขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอรวมกว่า 40 โครงการ มูลค่าการลงทุนหลายพันล้านบาท ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าเป็นของผู้ประกอบการรายใดบ้าง คาดว่าภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ทางบีโอไอจะออกประกาศชี้แจงเพิ่มเติม จากประกาศการปรับปรุงเงื่อนไขและราคาขายที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย หรือบ้านบีโอไอที่ได้ออกไปก่อนหน้านี้แล้ว

"เนื่องจากพบว่ามีผู้ประกอบการหลายรายยังคงมีข้อสงสัย และยังไม่เข้าใจถึงหลักเกณฑ์เงื่อนไขการได้รับสนับสนุนจากบีโอไอ โดยเฉพาะประเด็นโครงการที่เคยยื่นข้อเสนอไว้ก่อนหน้า แต่ไม่สามารถพัฒนาโครงการได้ครบจะได้รับการสนับสนุนหรือไม่ จึงเชื่อว่าหลังจากผู้ประกอบการมีความเข้าใจในเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ของบีโอ ไอแล้วจะทำให้มีผู้ประกอบการเข้ามาขอรับการสนับสนุนเพิ่มมากขึ้น"

นายอิสระ บุญยัง กรรมการผู้จัดการ บริษัท กานดา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด และในฐานะนายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผยว่าบริษัทวางแผนที่จะพัฒนาโครงการบ้านบีโอไอจำนวน 3 โครงการ ประมาณ 1,000 ยูนิต มูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท ที่ถนนพระราม 2 และถนนประชาอุทิศ โดยภายในสัปดาห์นี้จะยื่นเสนอโครงการเพื่อขอส่งเสริมการลงทุนโครงการแรกที่ ถนนประชาอุทิศ จำนวน 220 โครงการก่อน ในรูปแบบทาวน์เฮาส์ ส่วนปีหน้าจะนำอีก 2 โครงการเข้ายื่นเสนอต่อไป

"ปกติเราก็พัฒนาที่อยู่อาศัยขายในราคา 1.3-1.7 ล้านบาทอยู่แล้ว อย่างปีที่ผ่านมาก็มีจำนวน 400-500 ยูนิต หากโครงการต่อไปได้รับการส่งเสริมการลงทุน ก็ทำให้ขยับราคาขายลงมาเหลือ 1.2 ล้านบาทได้ ซึ่งปัจจุบันบริษัทก็มีสัดส่วนบ้านในราคา 1-2 ล้านบาทอยู่ 10% ในปีหน้าจะเพิ่มสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 25-30% เนื่องจากปริมาณความต้องการบ้านในระดับราคาดังกล่าวมีสูงถึง 35% จากการสำรวจของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ฯ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา แต่ซัพพลายปัจจุบันยังมีไม่มากนัก" นายอิสระกล่าวและว่า

ในปีหน้าคาดว่าแนวโน้มตลาดที่อยู่อาศัยในระดับราคา 1-1.2 ล้านบาท จะมีความคึกคักมากขึ้น เพราะด้วยความต้องการที่มีสูง รวมถึงข้อจำกัดเรื่องของกฎหมายผังเมือง และเรื่องพื้นที่การพัฒนา ซึ่งโครงการบ้านบีโอไอน่าจะมีผู้ประกอบการให้ความสนใจที่จะเข้ามาพัฒนามาก ขึ้น เพราะในช่วงที่ผ่านมาผู้ประกอบการสอบถามข้อสงสัยมายังสมาคม ถึงความชัดเจนในเงื่อนไขของการได้รับการสนับสนุนตามหลักเกณฑ์ของบีโอไอจำนวน มาก

ด้านนายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทเตรียมยื่นโครงการขอได้รับการสนับสนุนจากบีโอไออีก 10 โครงการ เฉลี่ยการลงทุนโครงการละ 400 ล้านบาท หรือประมาณ 4,000 ล้านบาท จากก่อนหน้านี้ที่ได้ยื่นโครงการเสนอขอรับการสนับสนุนไปแล้ว 38 โครงการมูลค่า 8,000 ล้านบาท และได้รับการอนุมัติไปแล้ว 17 โครงการ ขณะนี้รอการอนุมัติจากบีโอไออีก 21 โครงการมูลค่ารวม 4,000-5,000 ล้านบาท เชื่อว่าจะได้รับอนุมัติเร็ว ๆ นี้ ซึ่งจะส่งผลให้ในไตรมาสที่ 3 นี้มีรายได้เพิ่มเข้ามาอีก

"ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังของบริษัทเชื่อว่าจะดีกว่าในครึ่งปีแรก ที่มียอดขาย 9,049 ล้านบาท หรือ 51% จากเป้าทั้งปี 17, 000 ล้านบาท จากแนวโน้มเศรษฐกิจโดยรวมที่ปรับตัวดีขึ้น และบริษัทยังปรับกลุ่มสินค้าทาวน์เฮาส์แบรนด์บ้านพฤกษาและพฤกษาวิลล์ ที่ระดับราคาไม่เกิน 1.2 ล้านบาท อยู่ในเกณฑ์ใหม่ที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ ซึ่งจะทำให้การตัดสินใจลูกค้าง่ายขึ้น และยังเป็นการเพิ่มยอดขายให้กับบริษัทด้วย"

ก่อนหน้านี้คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้เห็นชอบการปรับปรุงเงื่อนไขและราคาจำหน่ายในกิจการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้ มีรายได้น้อยหรือปานกลาง หรือบ้านบีโอไอ เพื่อให้การส่งเสริมการลงทุนในกิจการดังกล่าวและกระตุ้นให้ผู้ประกอบการสนใจ ในการลงทุนพัฒนาที่อยู่อาศัยในประเภทดังกล่าวต่อไปได้ โดยเฉพาะในพื้นที่ตั้งโครงการในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล (เขต 1)

ทั้งนี้เกณฑ์เงื่อนไขที่ได้มีการกำหนดใหม่ในเขต 1 ได้แก่ ผู้ประกอบการต้องจัดที่อยู่อาศัยไม่น้อยกว่า 50 ยูนิต กรณีอาคารชุดจะต้องมีพื้นที่ใช้สอยต่อยูนิตไม่น้อยกว่า 28 ตารางเมตร และขาย

ในราคายูนิตละไม่เกิน1 ล้านบาท กรณีก่อสร้างทาวน์เฮาส์หรือบ้านเดี่ยวจะต้องมีพื้นที่ใช้สอยต่อยูนิต ไม่น้อยกว่า 70 ตารางเมตร และขายในราคายูนิตละไม่เกิน 1.2 ล้านบาท รวมค่าที่ดิน ส่วนโครงการที่ตั้งในเขต 2 และเขต 3 ยังคงเงื่อนไขเดิม คือ จะต้องมีพื้นที่ใช้สอยต่อยูนิต ไม่น้อยกว่า 31 ตารางเมตร และจำหน่ายในราคายูนิตละไม่เกิน 6 แสนบาท (รวมค่าที่ดิน)

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 2452 13 ส.ค. - 15 ส.ค. 2552

0 ความคิดเห็น: