ติดต่อ ที่ดินภูเก็ต : ศักดิ์ดา การวิจิตร โทร : 081-5377146 อีเมล์ : s_karnwigit@yahoo.com ...
16 กรกฎาคม 2552

กสิกรไทยประเมินอสังหาฯ ครึ่งปีหลังแนวโน้มดีขึ้นรับอานิสงส์มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งหลังของปี 2552 น่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้นกว่าในช่วงครึ่งแรกของปี เนื่องจากคาดว่าเศรษฐกิจไทยน่าจะปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น ตามภาวะเศรษฐกิจในต่างประเทศที่เริ่มมีสัญญาณดีขึ้น อีกทั้งยังได้รับแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่สองของรัฐบาล ที่น่าจะเป็นผลดีต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย อีกทั้งตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังได้รับแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นอสังหาริม ทรัพย์ ได้แก่ มาตรการหักลดหย่อนภาษี ซึ่งมาตรการดังกล่าวนี้จะสิ้นสุด ณ สิ้นปี 2552

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยหนุนการขยายตัวของอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งหลัง ของปี 2552 คือ การแข่งขันในธุรกิจสินเชื่อที่อยู่อาศัยระหว่างสถาบันการเงิน นอกจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของสถาบันการเงินในช่วงที่ผ่านมา จะจูงใจให้ผู้บริโภคที่มีความพร้อมตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยแล้ว การแข่งขันในธุรกิจสินเชื่อระหว่างสถาบันการเงินที่รุนแรง ก็ยังมีผลต่อการตัดสินของผู้บริโภค โดยเฉพาะการใช้กลยุทธ์อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ต่ำพิเศษในการจูงใจลูกค้า ซึ่งหากสถานการณ์เศรษฐกิจไทยปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น และปัญหาการเมืองมีความสงบเรียบร้อย ผู้บริโภคเริ่มมีความเชื่อมั่นมากขึ้น

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า กลุ่มผู้บริโภคที่มีความพร้อมทางการเงิน และต้องการซื้อที่อยู่อาศัยก็อาจจะตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยในช่วงสุดท้ายของปีนี้

อย่างไรก็ตามภาวะเศรษฐกิจไทยก็ยังคงมีความเสี่ยง ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ อาทิ ความไม่แน่นอนของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อการจ้างงานในประเทศไทย เสถียรภาพทางการเมือง ที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลง แนวโน้มการปรับตัวสูงขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อภาระ รายจ่ายที่เพิ่มสูงขึ้นของผู้บริโภค และทิศทางราคาสินค้าโภคภัณฑ์ดังกล่าวยังอาจส่งผลกระทบต้นทุนการก่อสร้าง เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งอาจจะมีผลต่อทิศทางราคาที่อยู่อาศัยในระยะข้างหน้าได้ ซึ่งปัจจัยลบดังกล่าวอาจจะส่งผลกระทบต่ออำนาจการซื้อที่อยู่อาศัยของผู้ บริโภค และยังเป็นการซ้ำเติมการฟื้นตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงที่เหลือของปี นี้

สำหรับภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงที่เหลือของปี 2552 นี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า น่าจะอยู่ในอัตราการเติบโตได้ดีกว่าครึ่งแรกของปี โดยอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียม ที่แม้ว่าภาพรวมของยอดขายโครงการใหม่จะชะลอตัวลง แต่บางโครงการยังคงสามารถสร้างยอดขายได้ เนื่องจากบางทำเลยังคงเป็นที่ต้องการของผู้บริโภค โดยเฉพาะในทำเลที่ใกล้แหล่งชุมชน และยังไม่มีคู่แข่ง ผู้ประกอบการที่เข้าไปรุกตลาดก่อนเนื่องจากมองเห็นถึงโอกาสในการทำตลาด จึงยังสามารถสร้างยอดขายได้ดี แต่ในขณะเดียวกันก็มีบางโครงการที่อาจเผชิญกับปัญหาลูกค้าขอสินเชื่อไม่ผ่าน ทำให้แนวโน้มการยกเลิกการโอนห้องชุดสูงขึ้น ส่งผลต่อจำนวนห้องชุดที่จะกลับเข้ามาสู่ตลาดมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ทำให้ภาวะตลาดคอนโดมิเนียมคงจะหลีกไม่พ้นกับการที่ต้องเผชิญการแข่งขันที่ สูง

นอกจากนี้ตลาดที่อยู่อาศัยที่คาดว่าน่าจะปรับตัวดีขึ้น คือ ที่อยู่อาศัยประเภททาวน์เฮาส์ ที่น่าจะเป็นที่สนใจของผู้บริโภคในขณะนี้ ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะอยู่ที่ระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท และที่อยู่อาศัยประเภททาวน์เฮาส์น่าจะช่วยตอบโจทย์ของลูกค้าได้ระดับหนึ่ง ในกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยที่มีพื้นที่ใช้สอยมากกว่า ห้องชุดแต่ไม่สามารถที่จะซื้อที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยวได้

สำหรับที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยว คาดว่า ตลาดน่าจะได้รับปัจจัยหนุนจากมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ของภาครัฐ ที่อาจจะช่วยเร่งการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี รวมถึงผู้ประกอบการคงจะเร่งทำแคมเปญการตลาด เพื่อช่วยเร่งการตัดสินใจของผู้บริโภค อาทิ การลดราคา การแจกของสมนาคุณ เป็นต้น

ในขณะที่ตลาดที่อยู่อาศัยที่อาจจะประสบกับปัญหาในช่วงที่เหลือของปี น่าจะเป็นตลาดปลูกสร้างบ้างเอง นอกจากปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่ออำนาจซื้อของผู้บริโภคโดยภาพรวมแล้ว ปัญหาผู้รับเหมาที่ละทิ้งงานก็อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้ผู้ที่จะปลูกสร้างบ้าน ต้องพิจารณาเลือกผู้รับเหมาอย่างระมัดระวังมากขึ้น นอกจากนี้ตลาดอสังหาริมทรัพย์สำหรับชาวต่างชาติ อย่างธุรกิจเซอร์วิสอพาร์ตเม้นท์ ยังคงได้รับผลกระทบจากจำนวนชาวต่างชาติที่เข้ามาในประเทศไทยน้อยลง เนื่องมาจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่ยังคงอาศัยระยะเวลาในการฟื้นตัว

สำหรับจำนวนที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลในปี 2552 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า จำนวนที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลในปี 2552 น่าจะมีจำนวนประมาณ 66,500 หน่วย ลดลงร้อยละ 10.5 เมื่อเทียบกับปี 2551 ที่มีประมาณ 74,320 หน่วย โดยเป็นการลดลงของที่อยู่อาศัยประเภทโครงการบ้านจัดสรร เนื่องจากยังมีโครงการที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จที่รอขายอยู่ในตลาดเป็นจำนวน มาก ทำให้การเปิดโครงการใหม่ในระยะข้างหน้านับจากนี้น่าจะชะลอลง โดยเฉพาะการเปิดโครงการใหม่จากผู้ประกอบการขนาดเล็กที่น่าจะหดตัวลง

นอกจากนี้ยังเป็นการลดลงของที่อยู่อาศัยประเภทปลูกสร้างเอง เนื่องจากผู้บริโภคชะลอการสร้างที่อยู่อาศัยออกไป ในขณะที่จำนวนที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จน่าจะมีระดับที่ใกล้ เคียงกับปีก่อน หรือลดลงเล็กน้อย

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ 15-07-52

0 ความคิดเห็น: