ฝุ่นตลบ!ชิงประมูลสารสนเทศที่ดิน700ล้าน 17ก.ค.นี้รู้ผลรายใดอกหักไม่ผ่านคุณสมบัติ

3กลุ่มบริษัทไอทีชั้นนำ "แอ๊ดวานซ์ อินฟอร์เมชั่น/ สามารถเทลคอม/วี สมาร์ท" ลุ้นใจหายใจคว่ำ ชิงเค้ก 700 ล้านบาท วางระบบสารสนเทศที่ดินเฟสสอง กรมที่ดินโปรเจ็กต์นี้ไม่มี "ฮั้ว" ดีเดย์ศุกร์ 17ก.ค.นี้ ประกาศรายชื่อผู้ผ่านคุณสมบัติ คาดสิ้นเดือนนี้เปิดประมูลอี-ออกชัน ขณะที่ "เอไอที" เกทับคู่แข่งขัน มั่นใจเข้าวิน

นายอนุวัฒน์ เมธีวิบูลวุฒิ อธิบดีกรมที่ดิน เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ถึงความคืบหน้าการจัดซื้อจัดจ้าง ในโครงการพัฒนาระบบสารสนเทศที่ดินระยะที่ สองมูลค่า 758 ล้านบาท ว่าขณะนี้คณะกรรมการทดสอบประสิทธิภาพ (Benchmark Test) อยู่ระหว่างการพิจารณา โดยคาดว่าจะประกาศรายชื่อบริษัทที่ผ่านคุณสมบัติทางด้านเทคนิคได้ในเร็วๆ นี้

"โครงการนี้ไม่มี "ฮั้ว" อย่างแน่นอน เพราะเท่าที่ทราบ แต่ละบริษัทแข่งขันกันอย่างรุนแรงไม่มีใครสามารถควบคุมกันได้"

ด้านนายไพโรจน์ เผือกวิไล ประธานกรรมการประกวดราคาจ้างพัฒนาระบบสารสนเทศที่ดิน กรมที่ดิน กล่าวว่า ในวันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม 2552 นี้ กรมที่ดินจะประกาศรายชื่อเอกชนที่ผ่านคุณสมบัติตามเกณฑ์ ผ่านทางเว็บไซต์ www.dol.go.th ถัดจากนั้นก็จะทำการประมูลแบบอี-ออกชัน

สำหรับบริษัทที่สนใจซื้อซองประกวดราคาในโครงการนี้ มีทั้งสิ้น 5 บริษัท แต่พอถึงวันยื่นซองกลับมีเพียง 3 รายเท่านั้น ประกอบด้วย บริษัท แอ๊ดวานซ์ อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือเอไอที ต่อมาบริษัท สามารถเทลคอม จำกัด (มหาชน) และ บริษัท วี สมาร์ท จำกัด ซึ่งทั้ง 3 บริษัทมีความเชี่ยวชาญเรื่องของเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยเฉพาะ เอไอที ก่อนหน้านี้ได้รับการคัดเลือกจัดทำโครงการพัฒนาระบบสารสนเทศที่ดินระยะแรก มูลค่า 300 ล้านบาท

นายศิริพงษ์ อุ่นทรพันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอ๊ดวานซ์ อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอที เปิดเผยถึงเหตุผลที่ยื่นข้อเสนอโครงการพัฒนาระบบสารสนเทศที่ดินระยะที่สอง กล่าวเพียงสั้นๆว่า เมื่อกรมที่ดินเปิดประมูลโครงการในระยะที่สอง บริษัทซึ่งได้งานในระยะแรกมาแล้วเมื่อสามปีก่อน จึงเสนอตัวเข้าร่วมประมูลอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากต้องการเข้ามาสานต่อโครงการ

"เราค่อนข้างมั่นใจกับโครงการนี้เพราะรู้เรื่องระบบเป็นอย่างดี"

อย่างไรก็ตาม เมื่อกรมที่ดินเปิดเผยรายชื่อเอกชนผ่านขั้นตอนทางด้านเทคนิค แล้ว จากนั้นก็จะทำการประกวดราคาแบบอี-ออกชัน ได้ภายในสิ้นเดือนนี้

อนึ่งโครงการนี้เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2552-2556 งบประมาณจำนวนทั้งสิ้น 12,450 ล้านบาทแบ่งเป็น 3 ระยะ แบ่งเป็นงบประมาณปี 2552-2554 จำนวน 3,564 ล้านบาท, งบประมาณปี 2553-2555 ใช้งบจำนวน 4,843 ล้านบาท และงบปี 2554-2556 งบประมาณ 4,043 ล้านบาท

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ 16 - 18 ก.ค. 2552