PROPERTY WATCH: ภาวะโอเวอร์ซัปพลายของคอนโดมิเนียมในเมืองท่องเที่ยว เนื่องจากติดปัญหายอดขายชาวต่างชาติชนเพดาน 49% รวมไปถึงวิลล่าหรูที่เหลือขาย เพราะต่างชาติไม่สามารถถือครองแบบซื้อขาดได้ และเป็นสินค้าที่ไม่ได้มุ่งเจาะกำลังซื้อคนไทย เป็นปัญหาที่เรื้อรังมานาน รวมถึงการเลี่ยงกฎหมายไปตั้งบริษัทไทย ใช้ชื่อภรรยาคนไทย เพื่อเป็นนอมินีในการถือครอง
ที่สุดท้ายก็ไม่เป็นผลดีกับฝ่ายใด หากทางการมีการตรวจสอบก็จะถูกดำเนินคดี รวมถึงภาครัฐที่ต้องสูญเสียรายได้จากภาษีด้วย เมื่อรัฐบาลชุดใดคิดจะหยิบกฎหมายเรื่องนี้ขึ้นมาแก้ ก็จะถูกโจมตีทุกครั้งว่าเป็นการขายชาติ
ล่าสุดได้มีการรวมตัวกันเพื่อแก้ปัญหานี้อย่างจริงจังแล้ว หลังจากที่หอการค้า 30 ประเทศในไทยได้รวมตัวกันก่อตั้งสภาหอการค้านานาชาติ (JFCCT) ขึ้น จุดประสงค์เพื่อนำเสนอแนวทางแก่รัฐบาลในการส่งเสริมการลงทุนอย่างครบวงจร โดยปฏิมา จีระแพทย์ กรรมการผู้จัดการ คอลลิเออร์ส (ประเทศไทย) ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานคณะกรรมการอสังหาริมทรัพย์
ปฏิมาจะพยายามจะชี้แจงให้ภาครัฐเข้าใจว่า การอนุญาตให้ต่างชาติถือครองอสังหาฯ ไทยได้นั้น ไม่ได้สร้างปัญหาให้กับประเทศเสมอไป เพราะทุกวันนี้ต้องยอมรับว่ามีชาวต่างชาติจำนวนมากที่ไม่ได้มีเจตนาร้าย แต่ต้องการซื้อบ้านในไทยเพื่อใช้เป็นที่พักผ่อนในยามเกษียณเท่านั้น ซึ่งคนกลุ่มนี้คือตัวสร้างรายได้เข้าประเทศไทยได้อีกทางหนึ่ง
แนวทางเบื้องต้น เช่น เพิ่มสัดส่วนการขายคอนโดมิเนียมให้แก่ชาวต่างชาติให้มากกว่า 49% เฉพาะในทำเลซีบีดีในกรุงเทพฯ เมืองท่องเที่ยวที่มีชาวต่างชาติอยู่อาศัยจริงเท่านั้น กำหนดระดับราคาที่ต่างชาติซื้อได้ หรือกำหนดเงื่อนไขด้านภาษีการซื้อขายเป็นขั้นบันได เพื่อควบคุมกรณีมีการซื้อขายเปลี่ยนมือก่อนเวลาที่กำหนดและป้องกันการซื้อ ขายเก็งกำไร,ขยายระยะเวลาของวีซ่าให้ยาวขึ้นให้เอื้อกับชาวต่างชาติที่ซื้อ อสังหาริมทรัพย์ไทย โดยเชื่อมโยงเรื่องวีซ่ากับฐานข้อมูลของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง, เปิดช่องให้สถาบันการเงินไทยปล่อยสินเชื่อในการซื้ออสังหาฯ ให้แก่ชาวต่างชาติในบางส่วน เพราะทุกวันนี้ชาวต่างชาติก็ใช้วิธีกู้เงินผ่านธนาคารไทย เช่น ธนาคารกรุงเทพ, HSBC ในสาขาสิงคโปร์อยู่แล้ว ซึ่งไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องหนี้เสีย เพราะสถาบันการเงินมีกระบวนการในการพิจารณาสินเชื่ออย่างเข้มข้นอยู่แล้ว, กำหนดโซนที่ชาวต่างชาติจะอาศัยอยู่ได้ และให้ภาครัฐจัดให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อม เพื่อให้ควบคุมได้ง่าย ทั้งนี้ปฏิมากล่าวว่า จะนำโมเดลการถือครองอสังหาฯ ของชาวต่างชาติของประเทศต่างๆ มาศึกษาและปรับปรุงเพื่อนำเสนอเป็นแนวทางแก่ภาครัฐต่อไปโดยเร็วที่สุดก่อน สิ้นปีนี้
จริงอยู่ที่ว่าที่ดินไทยกับการถือครองของชาวต่างชาติเป็นเรื่องที่ ต้องระมัดระวัง เพราะมีนัยสำคัญเกี่ยวข้องกับความมั่นคงของประเทศ แต่ถ้ามีการจัดการและควบคุมให้อยู่ในขอบเขตที่เหมาะสม ก็จะเกิดเป็นผลดีกับทุกฝ่าย
โดย ผู้จัดการ 360° รายสัปดาห์ 03-07-52
ติดต่อ ที่ดินภูเก็ต : ศักดิ์ดา การวิจิตร โทร : 081-5377146 อีเมล์ : s_karnwigit@yahoo.com
...
4 กรกฎาคม 2552
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น