เซ็นจูรี่ 21ฯ เปิดตัว 2 โครงการคอนโดฯใหม่ถอดด้ามยึดหัวหาดแนวบีทีเอส-เอ็มอาร์ที มูลค่า 1 พันล้าน เผยเป็นกลุ่มนักลงทุนด้านส่งออก เบนเข็มมาพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เน้นจุดขายทำเลและราคาเฉือนคู่แข่ง 30 % ทั้งปัดฝุ่นห้องชุดขายไม่ออกเป็นแบบเช่าซื้อ ตั้งเป้าสิ้นปี 52 ยอดขาย 4 พันล้าน
นายกิติศักดิ์ จำปาทิพย์พงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นจูรี่ 21 เรียลตี้ แอฟฟิลิเอทส์ (ประเทศไทย) เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ"ถึงทิศทางตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทยว่า แม้ภาพรวมเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัดแต่ความต้องการที่อยู่อาศัย ในลักษณะของอาคารชุดใกล้ระบบขนส่งมวลชนทั้งรถไฟฟ้าบีทีเอสและ รถใต้ดินยังมีความต้องการสูง โดยล่าสุดจะเปิดตัว 2 โครงการมูลค่า 1,000 ล้านบาทในเดือนตุลาคมนี้
"ทั้งสองโครงการเป็นการให้บริการแบบครบวงจรตั้งแต่เป็นที่ปรึกษาด้านการลง ทุนหาที่ดินพัฒนาโครงการจนถึงการบริหารการขาย โครงการแรกตั้งอยู่ถนนพหลโยธิน ในเนื้อที่ไร่เศษ ส่วนโครงการที่สองตั้งอยู่ถนนห้วยขวาง-รัชดาภิเษก สร้างเป็นอาคารสูง 8 ชั้น ตั้งเป้าขายในราคายูนิตละ 1.7 ล้านบาท ในขนาด 30 ตารางเมตร "
นายกิติศักดิ์ กล่าวอีกว่า ทั้งสองโครงการเป็นการนำร่อง เนื่องจากมีขนาดเล็กและผู้ลงทุนเป็นนักธุรกิจหน้าใหม่ในวงการพัฒนาที่ดิน โดยทำธุรกิจด้านสิ่งทอ ส่งออกและอุตสาหกรรมน้ำมันพืชมาก่อน เพิ่งหันมาพัฒนาที่ดินเป็นโครงการแรก จึงถือเป็นการชิมลางถ้าประสบผลสำเร็จ ก็จะเดินหน้าพัฒนาโครงการอื่น ๆ ในอนาคต
"เราเน้นจุดขายทำเลที่ตั้งเป็นหลัก แม้ว่าจะไม่ใช่ทำเลเกรดเอที่อยู่ติดกับรถไฟฟ้า เหมือนโครงการอื่นๆแต่ก็อยู่ใกล้มาก จัดอยู่ในเกรดบี+ และยังได้เปรียบในเรื่องราคาที่ถูกกว่าถึง 30 %ในทำเลที่ตั้งใกล้เคียงกัน และขนาดห้องพักที่เล็กกว่า ทำให้ราคาขายถูกกว่า ซึ่งจะเป็นข้อได้เปรียบโครงการอื่นโดยขายตารางเมตรละ 60,000 บาทเท่านั้น ซึ่งอาคารชุดที่ขายในราคาระดับนี้ ถือว่าความเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินต่ำ"
ทั้งนี้เนื่องจากกลุ่มเสี่ยงที่สถาบันการเงินไม่ปล่อยสินเชื่อจะอยู่ที่ กลุ่มระดับราคาตั้งแต่ตารางเมตรละ 50,000 บาทลงมาถึง 30,000 บาท ทั้งยังถือเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการซื้ออาคารชุดไว้อยู่จริงไม่ใช่ ซื้อเก็งกำไรหรือให้เช่าเหมือนที่ผ่านมา และต้องเป็นอาคารชุดที่ตั้งอยู่ในเมือง เนื่องจากตลาดคนไทยจะซื้อเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางที่สะดวก ต้องการทำเลใกล้รถไฟฟ้า หรืออยู่ห่างแค่ 400-500 เมตรเท่านั้น
นายกิติศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ยังมีแผนร่วมทุนกับนักลงทุนหน้าใหม่ โดยซื้อที่ดินไว้ 100 ไร่ที่อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี เตรียมพัฒนาโครงการ บ้านขายพร้อมที่ดิน ขนาดตั้งแต่ 200 ตารางวาถึง 1 ไร่ครึ่ง ขายตารางวาละ 7,000-8,000 บาท ถ้าเป็นบ้านพร้อมที่ดินขายหลังละ 3-4 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 400-500 ล้านบาท คาดเปิดตัวเดือนพฤศจิกายนนี้
ขณะเดียวกันยังบริหารการขายให้อีกหลายโครงการคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯและต่าง จังหวัด อาทิ โครงการ หัวหิน เฮอริเทจ ตั้งอยู่เขาเต่า มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท มีจำนวน 500 ยูนิต โครงการอาคารชุดย่านอโศกทองหล่อ สุขุมวิท มูลค่า 2,000 ล้านบาทมีจำนวน 200 ยูนิต และโครงการย่านสาธร
" โครงการวอเตอร์ฟร้อท ซึ่งเป็นลักษณะการ รี-เซลส์ นำห้องที่ยังขายไม่หมดค้างอยู่ 30-40 ห้อง มาปล่อยเช่าพร้อมขายในลักษณะ เช่าซื้อ ซึ่งผู้ซื้อจะมีรายได้แน่นอน ภายใต้กำหนดเวลา
การันตีผลตอบแทนสูงจากราคา 7 หมื่นบาทต่อตารางเมตร อาจจะเหลือ 3 หมื่นบาท แต่มีเงื่อนไขเมื่อกำหนดเวลา อาจจะเป็น 20-30 ปี แล้วแต่ ถือเป็นกลยุทธ์ใหม่การทำการตลาด ที่รับรองผลตอบแทนแก่ผู้ลงทุน "
นอกจากนี้ยังเข้าบริหารนิติบุคคลโครงการต่าง ๆ อีก 10 อาคาร ทั้งในกทม.และต่างจังหวัดและขายแฟรนไชส์ ซึ่งค่าธรรมเนียม แฟรนไชส์ เดิมคิด 6 แสนบาทจะลดเหลือ 6 หมื่นบาท และอาจจะมีโปรโมชันราคาพิเศษเหลือแค่ 21 บาท แต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ บริษัทตั้งไว้ โดยตั้งเป้าว่าจะขยายเครือข่ายแฟรนไชส์ให้ได้ 30 สาขา ภายในสิ้นปี 2552 ซึ่งน่าจะเริ่มได้ที่เชียงใหม่เป็นแห่งแรก หลังจากที่ได้เจรจากับ นายวัชระ ตันตรานนท์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ จังหวัดเชียงใหม่ ไปแล้ว สำหรับยอดขายในปี 2552 ตั้งเป้าไว้ที่ 3,500-4,000 ล้านบาท ส่วนปี 2553 ตั้งเป้ายอดขาย 8,000 ล้านบาท และมีมูลค่าโครงการที่บริหาร 27,000 ล้านบาทในปี 2553
จาก ฐานเศรษฐกิจ 02-04 ก.ค. 52
ติดต่อ ที่ดินภูเก็ต : ศักดิ์ดา การวิจิตร โทร : 081-5377146 อีเมล์ : s_karnwigit@yahoo.com
...
5 กรกฎาคม 2552
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น