ติดต่อ ที่ดินภูเก็ต : ศักดิ์ดา การวิจิตร โทร : 081-5377146 อีเมล์ : s_karnwigit@yahoo.com ...
27 เมษายน 2552

วิกฤตการเมืองจากการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงรอบนี้ กลายเป็นวิกฤตซ้ำวิกฤตที่ทำให้เศรษฐกิจไทยมีอาการทรุดหนักลงถึงขั้นสาหัส

เพราะลำพังแค่ผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก เวลานี้ยังเอาตัวกันแทบไม่รอด เมื่อถูกถล่มซ้ำเติมด้วยวิกฤตการเมืองเมื่อกลางเดือนเม.ย. ที่ผ่านมา และมีท่าว่าจะยังไม่จบ ทำให้ตัวเลขจีดีพีติดลบพุ่งจาก 0 ถึงลบ 2% ไปแตะที่ลบ 3.5%

แน่นอนว่า ธุรกิจท่องเที่ยวเป็นธุรกิจที่ถูก สังเวยจากความรุนแรงที่เกิดขึ้น เพราะได้รับผลกระทบโดยตรง แต่ในภาคอสังหาริมทรัพย์ แม้ว่าจะไม่ได้รับผลโดยตรง แต่แรงกระเพื่อมจากวิกฤตซ้อนวิกฤตก็ได้ส่งผลกระทบอยู่ไม่น้อยเช่นกัน เพราะปัญหาเดิมที่ยังคาราคาซังอยู่ ได้ถูกวิกฤตการเมืองฉุดดำดิ่งจมลึกไปมากกว่าเดิม

ก่อน หน้านี้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์กำลังเผชิญหน้าอยู่กับความไม่เชื่อมั่นของผู้ บริโภค กำลังซื้อของผู้บริโภคบางกลุ่มหดหายไปจากการถูกเลิกจ้าง หรือลดเงินเดือน รวมไปถึงความเข้มงวดของสถาบันการเงินจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ปัญหาเหล่านี้จะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อเศรษฐกิจโดยรวมออกอาการทรุดหนัก ลงไปอีก

แม้ว่าผู้ประกอบการจะตั้งรับกับสถานการณ์ในระดับหนึ่งแล้ว และยังเชื่อมั่นว่าตลาดที่อยู่อาศัยจะยังคงเดินหน้าต่อไปได้ เพราะความต้องการซื้อของกลุ่มผู้ที่ยังจำเป็นต้องซื้อยังมีอยู่ การลงทุนอย่างระมัดระวัง ทำตลาดอย่างตรงเป้า ก็น่าจะพอมีทางให้เดินไปได้ แม้ว่าจะไม่ราบเรียบนักก็ตาม

ทว่าเมื่อโจทย์ใหม่ยากขึ้นกว่าเดิม การปรับเปลี่ยนแผนให้รัดกุมยิ่งขึ้นจึงเป็นสิ่งจำเป็น ที่เริ่มเห็นกันบ้างแล้ว คือ การชะลอแผนการลงทุนใหม่ๆ ในปีนี้ เพื่อประเมินสถานการณ์ใหม่อีกรอบ เช็กกำลังซื้อให้มั่นใจ ถ้าไม่มั่นใจก็ยังไม่เดินหน้า โดยหันกลับไปเน้นการทำตลาดในโครงการที่เปิดขายอยู่แล้ว เพื่อระบายสต๊อกเก็บเงินสดไว้ในมือแทน

อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์ที่ยากลำบากยิ่งขึ้น ทุกๆ วิกฤตย่อมมีโอกาสแฝงเร้นอยู่เสมอ เนื่องจากบ้านเป็นปัจจัยสี่ที่มีความต้องการอยู่ตลอด ดังเช่นหลังวิกฤตเศรษฐกิจในปี 2540 บ้านก็ยังขายได้ แต่ต้องปลุกความเชื่อมั่นของคนซื้อให้กลับคืนมา โดยเฉพาะตลาดใหญ่ที่ ผู้บริโภคไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจมากนัก คือบ้านระดับกลาง ราคา 1-5 ล้านบาท

ตลาดบ้านกลุ่มนี้ตลาดหลักจะเป็นกลุ่ม คนทำงานราชการ-เอกชนที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจน้อย และยังมีอีกกลุ่มที่สอดแทรกเข้ามา คือ กลุ่มที่จำเป็นต้องซื้อและเคยคิดจะซื้อบ้านในราคาเกิน 5 ล้านบาท แต่ยอมลดงบประมาณลงมาเพื่อลดความเสี่ยงจากเศรษฐกิจชะลอตัว

แต่สิ่งสำคัญที่สุดในเวลานี้ คือ การปลุกความเชื่อมั่นของผู้ซื้อให้กลับคืนมา ทั้งใน แง่ความเชื่อมั่นในการซื้อ และความเชื่อมั่น ในการกู้เงินจากธนาคาร แต่หากจะรอความเชื่อมั่นให้กลับคืนมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ขยับตัวดีขึ้นในปี นี้ไปจนถึงปีหน้าคงเป็นเรื่องยาก

ผู้ประกอบการจะต้องเข้ามามีบทบาทในเรื่องนี้ให้มากขึ้น ด้วยการหากลยุทธ์ที่เหมาะในการสร้างความมั่นใจและสร้างหลักประกันให้ผู้ซื้อ เช่น การค้ำประกันผู้ซื้อกับธนาคาร หรือการลดภาระการผ่อนในช่วงนี้ให้น้อยลง เช่น การให้อยู่ก่อนผ่อนทีหลัง เป็นต้น น่าจะเป็นทางออกที่ดีในเวลานี้

หากสามารถแก้ปัญหาความไม่เชื่อมั่นไปได้ เชื่อว่าการตอบรับในตลาดจะทำให้บริษัทยังยืนระยะฝ่าวิกฤตไปได้อย่างแน่นอน

ที่มา : โพสต์ทูเดย์ 27-04-52

0 ความคิดเห็น: