"ไทยรุ่งฯ" แปรวิกฤตสู่ "โอกาส" บุกหนักอสังหาฯเร่งช็อปของถูก

ภาวะวิกฤตเศรษฐกิจที่ดูซึมๆ ตั้งแต่ปี 2551-2552 ได้ส่ง ผลกระทบต่อนักลงทุนในวงกว้าง จนกลายเป็นผลกระทบแบบโดมิโน ไม่เว้นแม้แต่วาณิชธนกิจรายใหญ่อันดับ 4 ของสหรัฐ "เลห์แมน บราเธอร์ส โฮลดิ้ง อิงก์" จากที่เคยเป็นเจ้าบุญทุ่ม ช็อปซื้ออสังหาริมทรัพย์ไทยเป็นว่าเล่นก็โดนพิษเศรษฐกิจจนต้องเบรกแผนการลง ทุนและตัดขายอสังหาฯทิ้ง

ตัวแทนกลุ่มเลห์แมนฯเร่บอกขายโครงการแก่ดี เวลอปเปอร์ไทยหลายรายที่ตกเป็นข่าวจะเป็นรายใหญ่อย่างแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์, ที.ซี.ซี.แลนด์ ฯลฯ

แต่เอาเข้าจริง ปรากฏว่ามีบริษัทม้ามืดสวมบทเป็น "เศรษฐียามวิกฤต" ประกาศซื้อโครงการขนาดใหญ่จากกลุ่มทุนเป็นบิ๊กเซอร์ไพรส์ของวงการ

กรณี "สินธรณี พร็อพเพอร์ตี้" บริษัทพัฒนาที่ดินในเครือไทยรุ่ง ยูเนี่ยนคาร์ ของตระกูล "เผอิญโชค" เช่นกัน

เพราะ ทายาทของตระกูล "แก้วใจ-วุฒิชัย เผอิญโชค" สองพี่น้อง ท้องเดียวกัน แห่งกลุ่มไทยรุ่งฯ ได้ใช้ ตาที่สาม "แปรวิกฤตเป็นโอกาส" ประกาศขยายไลน์รุกธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ อย่างเต็มรูปแบบ

ล่าสุดพวกเขาซุ่มเงียบซื้ออาคารสำนักงานออฟฟิศให้เช่าแบบยกลอตในโครงการเดอะเทรนดี้ สุขุมวิท 13 ด้วยเม็ดเงินถึง 1,500 ล้านบาท

" เดอะ เทรนดี้ ออฟฟิศ" มีเนื้อที่ 20,000 ตร.ม. จากทั้งหมด 28,000 ตร.ม. โดยซื้อมาจาก "แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้" สมัยที่ "พงษ์พันธ์ สัมภวคุปต์" นั่งบริหาร

พูดถึงโครงการนี้ เรียกว่าเป็นโครงการหนึ่งที่มีการเปลี่ยนมือมาแล้วถึง 3 ทอด ทอดแรกกลุ่มทุนนายพงษ์พันธ์ ซื้อมาจากตระกูล "ทั่งสัมพันธ์" เจ้าของโรงแรมแอมบาสซาเดอร์ ในนามแกรนด์ แอสเสทฯ

อีกทอดมีการจับ พลัดจับผลู แกรนด์ แอสเสทฯดอดขายให้กับกลุ่มเลห์แมนฯ ทุนใหญ่จากอเมริกา และมาดังอีกครั้ง โครงการที่เป็นออฟฟิศทั้งตึกก็ตกเป็น ของตระกูล "เผอิญโชค" อย่างไม่มีใครรู้มาก่อน

ว่ากันว่า ไทยรุ่งฯเป็นอีกหนึ่งกลุ่มทุน ที่มีฐานการเงินค่อนข้างแข็งแกร่ง แถมมีสายสัมพันธ์กับต่างชาติดีเยี่ยม

จุด เริ่มต้นในธุรกิจอสังหาฯของตระกูล "เผอิญโชค" นั้น "แก้วใจ เผอิญโชค แมคโดนัลด์" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สินธรณี พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ได้เปิดใจกับสื่อว่า "เริ่มมาจากคุณแม่ ดร.ปราณี เผอิญโชค ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มไทยรุ่งฯ เพราะชอบเรื่องที่ดิน และเป็นนักสะสมแลนด์แบงก์ตัวยงมีที่ดินในมือมากมายนับไม่ถ้วน หลายแปลงอยู่ในไพรมแอเรียที่รอการพัฒนา และอีกหลายแปลงอยู่ในเมืองท่องเที่ยวหลักของไทยทั้งสมุย ภูเก็ต พัทยา ฯลฯ

ถาม ว่า แลนด์แบงก์ของ "เผอิญโชค" มีประมาณเท่าไร ซีอีโอสาว "แก้วใจ"ตอบติดตลกว่า "จำไม่ได้จริงๆ ไม่ได้ โกหกนะ เพราะคุณแม่ซื้อเก็บไว้เยอะมาก แค่โฉนดก็เป็นปึกเท่านี้แล้ว (เธอทำมือให้ดูว่า มีโฉนดเยอะจริง หนาประมาณสองนิ้ว)

เมื่อ วิเคราะห์แผนลงทุนในธุรกิจใหม่ ของไทยรุ่งฯ กล่าวได้เต็มปากว่า "มาจากแต้มต่อด้วยต้นทุนที่ดินที่ต่ำ โดยใช้เงินเย็นของครอบครัวช็อปซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่บอกขายในตลาด ด้วยราคาที่ต่ำมากและไม่เน้นกู้แบงก์จะกู้ก็กู้แบบประปราย" ทำให้ต้นทุนของกลุ่มนี้ต่ำกว่านักพัฒนาที่ดินทั่วไปเข้าทำนอง "น้ำขึ้นให้รีบตัก"

"เราตั้งใจไว้ว่าจะลงทุนแบบไม่จำกัดประเภท คืออะไรที่น่าซื้อก็จะซื้อ ไม่ว่าจะเป็นโครงการเก่าหรือใหม่จะซื้อมาพัฒนาใหม่ก็โอเค จะซื้อแบบเทกโอเวอร์เลยก็ทำได้ ถ้า...(ย้ำเสียง) โครงการนั้นมีทำเลดีและราคาน่าสนใจ" แก้วใจขยายความในนโยบายบริษัท

" วิกฤตการเงินโลกที่เกิดขึ้น แม้จะส่งผลกระทบแบบวงกว้างไปทั่วโลก แต่เรายังมองเห็นโอกาสในการลงทุนในธุรกิจอสังหาฯ โดยเฉพาะโครงการที่สร้างใกล้เสร็จแล้วแต่ขาดสภาพคล่อง ตรงนี้ก็เป็นโอกาสของเรา" ซีอีโอสาวย้ำ

เมื่อเช็กพอร์ตอสังหาฯ พบว่าไทยรุ่งฯเป็นกลุ่มเสือซุ่ม ปักหมุดพัฒนาโครงการอสังหาฯตามเมืองท่องเที่ยว อีกหลายโครงการแต่ไม่ปรากฏเป็นข่าว

"แก้วใจ" คาดว่ารายได้ปีนี้ต้องมีไม่ต่ำกว่า 200-300 ล้านบาท กว่า 80% เป็นรายได้จากการขายอีก 20% เป็นรายได้จากการเช่า

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ 30-03-52