ธปท.หั่นดอกลงอีก0.5-1% ยันออมทรัพย์ไม่เหลือศูนย์

ฟันธงธปท. หั่นดอกเบี้ยนโยบายลงต่ำกว่า 1% ในครึ่งปีแรก ดอกฝากไม่เหลือ 0% แน่

น.ส.อุสรา วิไลพิชญ์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) เปิดเผยว่า เงินเฟ้อของไทยในเดือน ม.ค. ติดลบ 0.4% ถือเป็นการติดลบเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่ามีโอกาสเห็นเงินเฟ้อติดลบต่อเนื่องตลอดครึ่งแรก

สาเหตุที่เงินเฟ้อลดมาจากราคาน้ำมันอยู่ในระดับต่ำมาก ประกอบกับกำลังซื้ออ่อนแอลง จากการขาดความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุน

น.ส.อุสรา ประเมินว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงเหลือ 0.5-1% ตามทิศทางเงินเฟ้อที่ลดลงภายในครึ่งปีแรก หรือปรับลดลงไปประมาณ 1-1.5% จากปัจจุบันดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 2% เนื่องจากมาตรการทางการคลังของรัฐบาลและดอกเบี้ยที่ลดลงมาก ทำให้การบริโภคและการลงทุนกระเตื้องขึ้น

“แม้แบงก์ชาติลดดอกเบี้ยแรงมากกว่า 1% ในครึ่งปีแรกไม่ทำให้ตลาดช็อก หากแต่เศรษฐกิจที่เติบโตติดลบจะเป็นเรื่องที่น่าตกใจมากกว่า” น.ส.อุสรา กล่าว

น.ส.อุสรา กล่าวว่า การที่เงินเฟ้อติดลบ จะส่งผลให้ธปท. สามารถใช้นโยบายบาทอ่อนเพื่อช่วยลดผลกระทบของเศรษฐกิจโลกที่ตกต่ำและการส่ง ออกที่ชะลอตัวได้โดยไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องอัตราเงินเฟ้อ

นายบันลือศักดิ์ ปุสสะรังษี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยธนาคาร กล่าวว่า เงินเฟ้อที่ติดลบแม้จะเร็วกว่าที่คิดแต่ก็ไม่น่าเป็นห่วง เพราะเงินเฟ้อที่แท้จริงยังไม่ติดลบ และไม่มีสัญญาณว่าจะเกิดภาวะเงินฝืด เนื่องจากเงินเฟ้อที่ติดลบไม่ได้มาจากคนไม่ใช้จ่าย แต่เป็นเพราะราคาน้ำมันและราคาอาหารลดลง โดยประเมินว่าเงินเฟ้อทั้งปีจะติดลบ 2-3%

ทั้งนี้ ธนาคารไทยธนาคาร และธนาคารกรุงเทพ ต่างประเมินว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินในวันที่ 25 ก.พ.นี้ ธปท. จะตัดสินใจใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.5-0.75% ทำให้ทั้งปีดอกเบี้ยนโยบายจะลดลงเหลือ 1% หรือต่ำกว่า 1% เพราะต้องการใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายกระตุ้นเศรษฐกิจในยามที่มาตรการการ คลังยังไม่มีผลในช่วงครึ่งแรก

สำหรับธนาคารพาณิชย์จะต้องปรับดอกเบี้ยตามอยู่แล้ว แต่อาจต้องใช้เวลา เพราะธนาคารยังมีต้นทุนดอกเบี้ยเงินฝากประจำที่ยังไม่ครบกำหนด จึงลดดอกเบี้ยเงินกู้มากไม่ได้ ส่วนดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์คงไม่ปรับลดจนเหลือ 0%

โพสทูเดย์ 04-02-2552