เอกชนแนะรัฐเร่งฟื้นชีพภาคอสังหาริมทรัพย์

นายอธิป พีชานนท์ อุปนายกสมาคมอาคารชุดไทย เปิดเผยว่า เอกชนภาคอสังหาริมทรัพย์ได้เตรียมข้อมูลไว้เสนอรัฐบาล หากต้องการใช้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเชื่อว่ารัฐบาลใหม่จะใช้กลไกธนาคารปล่อยสินเชื่อ เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคซื้อที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น ในขณะเดียวภาคเอกชน เห็นว่าควรจะเพิ่มการลดหย่อนภาษีจากดอกเบี้ยเงินกู้ที่อยู่อาศัยจาก 1 แสนบาท เป็น 1.5 แสนบาท เพื่อขยายฐานการซื้อบ้านจาก 1.5ล้านบาท เป็น 2 ล้านบาท

“ปกติผู้ซื้อบ้านจะสามารถนำดอกเบี้ยจากการผ่อนบ้านไปหัก ค่าลดหย่อนภาษีได้ปีละไม่เกิน 1 แสนบาท ถือเป็นการช่วยเหลือผู้ซื้อบ้านในวงเงินกู้ประมาณ 1.5 ล้านบาท หากเพิ่มเพดานการหักค่า ลดหย่อนจาก 1แสนบาท เป็น 1.5 แสนบาท จะเป็นการช่วยลดภาระ ผู้ผ่อนบ้านวงเงินกู้ 2 ล้านบาท จึงเท่ากับช่วยกระตุ้นการซื้อบ้านในระดับราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท” นายอธิป กล่าว

ทั้งนี้ หากรัฐบาลต้องการ ดึงต่างชาติให้กลับมาซื้ออสังหาริมทรัพย์และลงทุนในไทย ควรจะ มีการขยายระยะเวลาเช่า 30 ปี เป็น 90 ปี การขยายการถือครองห้องชุดของต่างชาติให้มากกว่า 49% โดยกำหนดเฉพาะทำเลที่มีชาวต่างชาตินิยมซื้ออยู่แล้ว เช่น ในจังหวัดท่องเที่ยวสำคัญ ได้แก่ เมืองพัทยา ชะอำ-หัวหิน ภูเก็ต เป็นต้น และการแก้ปัญหาวีซ่าของต่างชาติ โดยการนำมาตรการที่เคยใช้มาแล้ว คือหากมีการลงทุนในไทยก็ให้สิทธิในการถือเรสซิเดนซ์ วีซ่า

นอกจากนี้ อีกประเด็นที่จะ นำเสนอรัฐบาลใหม่ คือ การแก้ไขปรับปรุงกฎหมายที่เป็นอุปสรรค ต่อการดำเนินธุรกิจ เพราะหากรัฐบาลต้องการกระตุ้นการลงทุน แต่ยังมีกฎหมายที่เป็นอุปสรรค โดยไม่จำเป็น ก็เหมือนให้วิ่งโดยมี โซ่ล่ามอยู่ที่ขา โดยจะขอให้ทบทวนหลักเกณฑ์ใหม่ที่กำหนดให้โครงการจัดสรร 250 แปลงต้องจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม จากเดิมกำหนดไว้ 500 แปลง ซึ่งมีผลกระทบต่อโครงการขนาดเล็ก และจะต้องใช้เวลาจัดทำรายงานนานขึ้น การขอแก้สัญญามาตรฐานในการซื้อขายห้องชุด และกฎหมายตรวจสอบอาคาร

“รัฐบาลที่แล้วเพิ่งขยายมาตร การกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ออกไปอีก 1 ปี ในเวลานี้ก็น่าจะเพียงพอแต่ถ้ารัฐบาลเห็นว่าควรจะมีมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริม ทรัพย์เพิ่ม ภาคเอกชนก็พร้อมที่ จะเสนอแนวทางที่เตรียมเอาไว้ให้พิจารณา” นายอธิป กล่าว

ที่มา : โพสต์ทูเดย์ 22-12-2008