บสก.ขายที่ดิน1แสนไร่ทั่วประเทศ คาดสิ้นปีโกยรายได้12,000ล้านบาท

บสก. เนื้อหอม ดีเวลอปเปอร์เล็งซื้อที่ดินกว่า 1 แสนไร่ทั่วประเทศ มูลค่า 24,000 ล้านบาท นำไปพัฒนาต่อ เผย"พฤกษา"เสนอซื้อ 40-50 ไร่ ขณะที่การซื้อทรัพย์ NPL และ NPA ปีนี้คาดทะลุ 50,000 ล้านบาท ไตรมาสสุดท้ายเล็งทรัพย์จากกรมบังคับคดีอีกเดือนละ 200 ล้านบาท ทำรายได้รวมถึง 12,000 ล้านบาท

นายบรรยง วิเศษมงคลชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (บสก.) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ปัจจุบันบริษัทมีที่ดินเปล่าอยู่กว่า 1 แสนไร่ทั่วประเทศ มูลค่ากว่า 24,000 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้มีผู้ประกอบการด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั้งรายใหญ่และรายเล็กนับ 10 ราย ให้ความสนใจเข้าซื้อทรัพย์สินของบริษัท เพื่อนำไปพัฒนาโครงการต่อ ซึ่งขั้นตอนอยู่ระหว่างการเจรจาตกลงราคา คาดว่าจะมีความชัดเจนในเร็วๆ นี้

"ตอนนี้ที่อยู่ระหว่างการเจรจาคือ กลุ่มพฤกษา ที่เสนอราคาซื้อที่ดินประมาณ 40-50 ไร่ เพื่อนำไปพัฒนาโครงการ และยังมีอีกหลายรายที่ติดต่อเข้ามา เพราะบริษัทมีที่ดินแปลงใหญ่หลายแปลง ซึ่งเรื่องอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการบริษัท อาทิ ที่ดินบริเวณถนนศรีนครินทร์ 10 ไร่ มูลค่า 50 ล้านบาท ที่ดินบริเวณปากน้ำ จ.สมุทรปราการ มูลค่า 100 ล้านบาท จำนวน 200-300 ไร่ เป็นต้น " นายบรรยง กล่าวและว่า

นอกจากนี้ บริษัทยังมีที่ดินแปลงใหญ่ที่อยู่ในต่างจังหวัด อาทิ จ.สกลนคร จำนวน 5,000 ไร่ มูลค่า 70 ล้านบาท ซึ่งเป็นพื้นที่เหมาะสำหรับการทำเกษตรอุตสาหกรรม ประเภทพืชเศรษฐกิจ ที่ดินอ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จำนวน 2,000 ไร่ เป็นต้น ซึ่งที่ดินแปลงใหญ่เหล่านี้มีผู้ประกอบการสนใจที่จะเข้าซื้อเพื่อนำไปพัฒนา ต่อ แต่อยู่ระหว่างการเจรจาตกลงเรื่องราคา โดยบริษัทคาดว่าในไตรมาสสุดท้ายจะมีรายได้จากที่ดินเปล่าเข้ามาในสัดส่วนไม่ ต่ำกว่า 62% หรือมูลค่ากว่า 1,800 ล้านบาท จากเป้าหมายรายได้รวม 3,000 ล้านบาท

โดยในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา บริษัทสามารถซื้อทรัพย์รอการขาย (NPA) และทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ได้มูลค่ารวมกว่า 20,000 ล้าน คาดว่าถึงสิ้นปีนี้จะสามารถซื้อได้มูลค่ารวมถึง 50,000 ล้านบาท จากเดิมที่ตั้งเป้าหมายไว้เพียง 15,000 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งบริษัทยังมีแผนที่จะเข้าประมูลทรัพย์ NPA ของธนาคาร ยูโอบีรัตนสิน จำกัด (มหาชน) และ บริษัทบริหารสินทรัพย์เพทาย จำกัด (AMC) และยังจะเข้าไปประมูลซื้อหนี้ NPL จาก บริษัทบริหารสินทรัพย์สตาร์ฯ มูลค่า1,000 ล้านบาท และธนาคารแลนด์แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) มูลค่า 200 ล้านบาท

นายบรรยง กล่าวอีกว่า บริษัทยังอยู่ระหว่างการรอผลการซื้อทรัพย์ จากธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 7 กอง มูลค่า 14,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะสามารถประมูลหนี้ได้ประมาณ 50% หรือมูลค่า 7,000 ล้านบาทด้วย ขณะเดียวกันในช่วงต้นเดือนตุลาคมนี้ ทางบริษัทจะเข้าไปประมูลซื้อทรัพย์ ของกรมบังคับคดีที่จะนำออกประมูลขายทอดตลาด ซึ่งบริษัทเตรียมงบประมาณไว้เดือนละ 200 ล้านบาท

ในส่วนเป้าหมายรายได้ปีนี้คาดว่าจะทำได้ 11,628 ล้านบาท ซึ่งจะมีรายได้เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยอาจจะทำรายได้ถึง 12,000 ล้านบาท และผลประกอบการในรอบ 8 เดือนที่ผ่านมาสามารถทำรายได้แล้ว 8,000 ล้านบาท มีกำไร 1,300 ล้านบาท ภายในสิ้นปีจะทำกำไรได้ 2,000 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ว่าจะมีกำไรในปีนี้ 1,800 ล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัทมีหนี้ NPL ที่บริหารอยู่ 230,000 ล้านบาท โดยเป็นหนี้มีหลักประกัน 80,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นหนี้ที่ไม่มีหลักประกัน ส่วนทรัพย์ NPA ปัจจุบันมีอยู่ 40,0000 ล้านบาท และมีแผนที่จะเปิดสาขาของบริษัท เพื่อทำการตลาดและการขายทรัพย์ในแต่ละพื้นที่ต่างๆ 4 แห่งทั่วกรุงเทพฯ ซึ่งสาขาแรกจะเปิดทำการที่ห้างเซ็นทรัล สาขาแจ้งวัฒนะ

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ 27 - 30 ก.ย. 2552