มาร์คผุดธนาคารที่ดิน

นายกฯ-รมว.คลัง หนุนตั้งธนาคารที่ดิน เปิดทางคนจนเช่าทำกิน



นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีได้มอบ นโยบายให้กระทรวงการคลังเร่งพิจารณาจัดตั้งธนาคารที่ดิน ด้วยการนำรายได้จากการเก็บภาษีตามร่างพ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ... จำนวนหนึ่ง มาจัดสรรเป็นทุนในการจัดหาที่ดินให้เกษตรกรที่ยากจนไม่มีแหล่งที่ดินทำกิน ได้เช่าจากธนาคารไปประกอบอาชีพ

นายกรณ์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้ชี้แจงทำความเข้าใจเรื่องร่างพ.ร.บ.ภาษีที่ดินฯ กับผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และประชาชนแล้ว และจะเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในเร็วๆ นี้ เพื่อส่งให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาออกมาบังคับใช้ให้ทันสมัยการประชุมนี้ ซึ่งจะทำให้การเก็บภาษีเกิดความเป็นธรรม และกระจายการถือครองที่ดินไปสู่ผู้มีรายได้น้อย

นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า สศค.กำลังยกร่างรูปแบบการตั้งธนาคารที่ดิน เช่น อัตราส่วนแบ่งรายได้ที่หักมาจากภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างว่าจะมีจำนวนเท่า ไหร่ เพื่อให้ธนาคารบริหารและจัดซื้อที่ดินมาให้คนจนเช่า หรือกรณีที่ผู้เสียภาษีไม่มีเงินชำระภาษีที่ดิน ธนาคารอาจจะซื้อมาไว้เป็นการชั่วคราวก่อน แต่ไม่ได้ซื้อขาด

ผู้อำนวยการสศค. ระบุว่า ในเบื้องต้นต้องการให้ทุกท้องถิ่นมีธนาคารที่ดิน แต่อาจนำร่องเฉพาะจังหวัดที่สำคัญหรือพื้นที่ใหญ่ๆ ก่อน และอาจให้คณะกรรมการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นเป็นผู้ออกกฎ

“ธนาคารที่ดินจะแยกจากกฎหมายที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โดยในหลักการนั้น รมว.คลังเห็นชอบแล้ว สศค.จะยกร่างให้เสร็จเร็วที่สุด ส่วนภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจะทำประชาพิจารณ์อีกครั้งที่ภาคอีสาน วันที่ 21 ส.ค.นี้” นายสมชัย กล่าว

ก่อนหน้านี้ คณะอนุกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ด้านการจัดการที่ดินและป่า ระบุว่า รัฐบาลควรแก้ไขเพิ่มเติมร่างพ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ... ในมาตรา 8 ให้อปท.นำส่งรายได้จากการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างคืนเข้าคลัง อย่างน้อย 2% เพื่อเป็นกองทุนสำหรับจัดตั้งและบริหารธนาคารที่ดิน

ขณะที่สศค.คาดว่า หากพ.ร.บ.ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างบังคับใช้ในแต่ละปีจะจัดเก็บภาษีได้ 4-9 หมื่นล้านบาท หากสมทบเข้าธนาคารที่ดินอัตรา 2% เท่ากับ 800-1,800 ล้านบาทต่อปี

ที่มา : โพสต์ทูเดย์ 04-08-52