อสังหาฯโหมกระตุ้นยอดรอตลาดฟื้นระดมกว่า 50 โครงการยกทัพขึ้นห้างหรู-ตั้งเป้ากวาด 800 ล้าน

สมาคมอสังหาริมทรัพย์ ประเมินเศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุด รวมพลลงขัน 23 ล้านบาทเปิดพื้นที่สยามพารากอน จัดงาน "ไทยแลนด์ เอ็กซ์คลูซีฟ พร็อพเพอร์ตี้ โชว์ 2009" ขึ้น ระหว่างวันที่ 11-20 กันยายนนี้ ตั้งเป้าขาย 800 ล้านบาท

นายกิตติพล ปราโมช ณ อยุธยา นายกสมาคมอสังหาริม ทรัพย์ไทย เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว และหลังจากที่รัฐบาลมีความชัดเจนในการอัดฉีดเม็ดเงิน 8 แสนล้านบาท เข้าสู่ระบบผ่านโครงการต่างๆ คาดว่าจะสร้างความเชื่อมั่นมากขึ้น เชื่อว่าปลายปีนี้นักลงทุนน่าจะเริ่มกลับมาลงทุนอีกครั้ง เช่นเดียวกับภาพรวมตลาดอสังหาฯ ช่วงครึ่งหลังจะเห็นผู้ประกอบการเริ่มขยับแผนการลงทุนเปิดตัวโครงการใหม่ รวมทั้งการเตรียมซื้อที่ดินรองรับกับแผนการสร้างรายได้ในอนาคต

นอกจากนี้ ยังพบว่าในช่วงครึ่งหลังของปีผู้ประกอบการมีการจัดแคมเปญส่งเสริมการขายมาก ขึ้น เพื่อรองรับกับกำลังซื้อที่จะเกิดขึ้น โดยมองว่าน่าจะเป็นช่วงเหมาะที่ผู้บริโภคจะซื้อที่อยู่อาศัยก่อนที่มาตรการ สนับสนุนด้านภาษีของรัฐบาลจะหมดในช่วงสิ้นเดือนมีนาคม 2553

นายกิตติพลกล่าวว่า เพื่อส่งเสริมด้านการตลาดและการส่งเสริมการขาย นอกจากจะจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโดที่ดำเนินการต่อเนื่องมาทุกๆ ปี โดนร่วมกับสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรรและสมาคมอาคารชุดไทยที่มีกำหนดจัดงานใน เดือนตุลาคมแล้ว ปีนี้สมาคมอสังหาฯ มีกำหนดจะจัดมหกรรมการขายเป็นกรณีพิเศษขึ้นอีก ภายใต้ชื่อ "Thailand Exclusive Property Show 2009 : TEPS" ณ Hall of Fame ชั้น M และ Fashion Hall ชั้น 1 สยามพารากอน ระหว่างวันที่ 11-20 กันยายน 2552 เพื่อเพิ่มช่องทางการขายใหม่ๆ ให้แก่สมาชิก และผู้ประกอบการทั่วไปที่สนใจเข้าร่วมงาน

ทั้งนี้ โครงการที่นำมาร่วมงานจะมีทั้งบ้าน คอนโด และ รีสอร์ท ฯลฯ ทั้งที่อยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล และต่างจังหวัดมีตั้งแต่ระดับกลางและระดับสูง ร่วมกว่า 50 โครงการจากผู้ประกอบการร่วม 20 ราย โดยใช้งบประมาณในการจัดงานทั้งสิ้น 23 ล้านบาท แบ่งเป็นงบประชาสัมพันธ์ 13 ล้านบาท และงบประมาณในการว่าจ้างผู้จัดงานอีกประมาณ 10 ล้านบาท ทั้งนี้ ด้วยศักยภาพของทำเลที่ตั้งในการจัดงาน ที่มีกลุ่มคนที่เข้าไปใช้พื้นที่ทุกระดับทั้งชาวไทยและต่างประเทศ จึงคาดว่าน่าจะทำให้มียอดซื้อในงานไม่น้อยกว่า 600-800 ล้านบาท

นายกิตติพลยังประเมินภาพรวมตลาดอสังหาริม ทรัพย์ในปีนี้ว่า คาดจะมียอดจดทะเบียนใหม่ที่เกิดขึ้นจากภาคเอกชนประมาณ 7 หมื่นหน่วย ขณะที่ปี 2551 มียอดจดทะเบียนโอนที่กรมที่ดินประมาณ 8.2 หมื่นหน่วย โดยแบ่งเป็นที่อยู่อาศัยในโครงการบ้านเอื้ออาทร 8,000 หน่วย ที่การเคหะแห่งชาติเป็นเจ้าของโครงการ ที่เหลือประมาณ 7.4 หมื่นหน่วย เป็นโครงการของภาคเอกชน ซึ่งทำให้ยอดจดทะเบียนบ้านใหม่ในปีนี้ลดลง 5% เมื่อเทียบกับปีก่อน

ที่มา : คมชัดลึก 03-08-52