ติดต่อ ที่ดินภูเก็ต : ศักดิ์ดา การวิจิตร โทร : 081-5377146 อีเมล์ : s_karnwigit@yahoo.com ...
2 กรกฎาคม 2552

บสก.ชี้ทรัพย์บ้านมือสองราคาถูกขายคล่อง คอนโดฯ-ทาวน์เฮาส์ต่ำล้านบาทคนแห่ซื้อเพียบ ต่างกับทรัพย์ราคาสูงขายฝืด เหตุสภาพเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวย เผย 6 เดือนขายได้ 5,200 ล้านบาท หรือ 90% ของเป้าทั้งปี ระบุต.ค.ออกแคมเปญ “มหกรรมสมาร์ทคอนโดฯ”ปรับปรุงใหม่ เพิ่มทางเลือกให้ลูกค้า ด้านเซ็นจูรี่ 21 ไทยแลนด์เผยคอนโดฯเกาะแนวรถไฟฟ้าผุดเป็นดอกเห็ด

นายบรรยง วิเศษมงคลชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (บสก.) กล่าวถึงตลาดบ้านมือสองหรือ ทรัพย์ประเภทสินทรัพย์รอการขาย(เอ็นพีเอ) ในปัจจุบันว่า ปรับตัวดีขึ้นจากช่วงต้นปีที่ค่อนข้างหดตัวลงมา โดยเฉพาะที่อยู่อาศัย ที่ดินเปล่า และคอนโดมิเนียม ระดับราคา 2-3 แสนบาท รวมถึงทรัพย์สินประเภททาวน์เฮาส์ระดับราคา 8 แสนบาท ซึ่งในช่วง2ไตรมาสที่ผ่านมา อัตราการระบายออกของทรัพย์กลุ่มดังกล่าว ปรับตัวสูงขึ้นกว่าช่วงเดี่ยวกันของปีที่ผ่านมา

โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปี 52 ทางบสก. สามารถสร้างยอดขายได้ 5,200 ล้านบาท คิดเป็น 90% ของเป้ายอดขายรวมที่วางไว้ และคาดว่าทั้งปีจะสามารถทำยอดขายรวมไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าเป้าประมาณการที่วางไว้ 9,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ ทรัพย์กว่า 90% ที่สามารถขายอกไปได้ในช่วง2ไตรมาสที่ผ่านมา ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มทรัพย์ระดับราคา 2-8 แสนบาท ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่ากลุ่มทรัพย์ราคาถูกมีการระบายออกที่ดีขึ้น ในขณะที่ทรัพย์ระดับราคาที่สูงขึ้นไปมียอดระบายออกน้อย

แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อคิดเป็นมูลค่าขายกลับสูงถึง 70% ของมูลค่ารวม ซึ่งการที่ทรัพย์ที่มีราคาสูงมีอัตราการระบายออกที่ต่างจากกลุ่มทรัพย์ราคา ถูก เป็นสัญญาณว่า ตลาดรวมๆ ของบ้านมือสองยังทรงตัวอยู่ในระดับเดียวกับปี 2551 ไม่ได้หดตัวลงเมื่อช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา

สำหรับในไตรมาส 3 ของปีนี้ หรือประมาณเดือนต.ค. ทางบสก.เตรียมจัดแคมเปญ “มหกรรมสมาร์ทคอนโดฯ ” โดยจะนำคอนโดฯที่ปรับปรุงแล้วจำนวน 400-500 ยูนิต จากพอร์ตที่มีอยู่ 1,000 กว่ายูนิตออกมาขายภายใต้แคมเปญดังกล่าว ทั้งนี้ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา บสก.มีพอร์ตคอนโดมิเนียมอยู่ในมือ 1,400 ยูนิต แต่ขายออกไปในช่วงครึ่งปีแรกแล้ว 400 ยูนิต

เร่งซื้อหนี้-NPAแบงก์เข้าพอร์ต

นายบรรยงกล่าวถึงแผนการซื้อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL)จากสถาบันการเงินเพิ่มว่า ขณะนี้ได้เสนอราคาร่วมประมูลหนี้กับธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ไปแล้ว จำนวน 3 กอง คิดเป็นมูลค่า 15,000 กว่าล้านบาท ซึ่งในเบื้องต้นทราบว่า บสก.เป็นผู้เสนอราคาดีที่สุด คาดว่าจะสรุปการซื้อขายได้ภายในต้นเดือนก.ค.นี้ นอกจากนี้ บสก.เสนอหนี้ของธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) เพิ่มอีกประมาณ 20,000 ล้านบาท รวมถึงอยู่ระหว่างยื่นเรื่องซื้อหนี้จากธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน)

ทั้งนี้ ในช่วง 6 เดือนแรกที่ผ่านมา บสก.มีกำไรจากการขายทรัพย์แล้ว 800 ล้านบาท คาดว่าหากสามารถทำยอดได้ตามเป้าที่วางไว้ จะทำให้ในปีนี้ มีกำไร 2,000 กว่าล้านบาท

ดอกเห็ดคอนโดฯแนวรถไฟฟ้า

ขณะที่ฝ่ายวิจัยและการตลาด บริษัท เซ็นจูรี่ 21 เรียลตี้ แอนด์ แอฟฟิลิเอทส์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ เซ็นจูรี่ 21 ไทยแลนด์ ระบุถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบันว่า อยู่ในช่วงของการชะลอตัวตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายของปี 2551 ซึ่งเป็นผลมาจากวิกฤติทางการเงินของโลกและภาวะทางการเมืองของไทย โดยเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลต่อปริมาณความต้องการที่อยู่อาศัยในประเทศไทย ซึ่งฝ่ายวิจัยฯ พบว่า ในไตรมาสที่ 4 ของปี51 มีจำนวนโครงการคอนโดฯสร้างเสร็จ 13 โครงการ รวม 2,373 ยูนิต เทียบกับไตรมาสที่ 3 ของปี51 มีจำนวนโครงการคอนโดฯก่อสร้างเสร็จ 6 โครงการ รวม 819 ยูนิต ซึ่งจากตัวเลขดังกล่าว ไม่ได้หมายความว่าตลาดอสังหาฯเริ่มฟื้นตัว แต่มันเป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเของภาวะทรงตัวของตลาดเท่านั้น

ในส่วนของตลาดคอนโดฯในช่วงไตรมาสแรกของปี 52 ถือว่าได้รับผลกระทบอย่างมากจากภาวะการณ์ทางด้านการเมือง โครงการเปิดตัวใหม่ลดลง 36% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี51 หรือมีโครงการเปิดใหม่รวม 1,671 ยูนิต ขณะเดียวกันราคาขายของคอนโดฯมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.1%

โครงการคอนโดฯเปิดใหม่ในปี52 ส่วนใหญ่จะอยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้าเป็นหลัก โดย 35% ของโครงการคอนโดฯเปิดใหม่ตั้งอยู่ในย่านสุขุมวิท รองลงมาคือย่าน สีลม สาทร 20% ,พระราม 17% ,ริมแม่น้ำเจ้าพระยา 12% ,ปทุมวัน 9% และ ลุมพินี 7% มีราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 1.2 แสนบาท ต่อตารางเมตร(ตร.ม.) โดยจำนวนของคอนโดฯใจกลางกรุงเทพฯมีปริมาณเพิ่มขึ้น 1.1% ในช่วงไตรมาสที่ 2 และเพิ่มขึ้น 9.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2551 โดยในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2552 คอนโดฯในเขตใจกลางกรุงเทพฯมีจำนวนยูนิตรวมกัน 53,077 ยูนิต เพิ่มขึ้น 572 ยูนิต

ทั้งนี้ คอนโดฯในเขตกรุงเทพฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคอนโดฯราคาสูง และกลุ่มราคา ปานกลาง มีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยกลุ่มเป้าหมายหลักยังคงเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่มีไลฟ์สไตล์ทันสมัย รวมถึงกระแสนิยมในปัจจุบัน แต่จากสภาวะทางด้านเศรษฐกิจและการเมือง ทำให้ปริมาณความต้องการซื้อลดลง ขณะเดียวกันผู้ประกอบการบางส่วนมีการเลื่อนปิดโครงการออกไป โดยในปี 2552 คาดว่าจะมีคอนโดฯใหม่เกิดขึ้นรวม 11,880 ยูนิต โดยในครึ่งปีแรกคาดว่าจะมีคอนโดฯก่อสร้างแล้วเสร็จรวม 7,000 ยูนิต ทำให้ในปีนี้ จะมีจำนวนคอนโดฯสร้างเสร็จรวม 64,957 ยูนิต.

โดย ASTVผู้จัดการรายวัน 01-07-52

0 ความคิดเห็น: