อสังหาริมทรัพย์ไตรมาส1 กำไรดี

กลุ่มบริษัทอสังหาริมทรัพย์ แกร่งพาเหรดโชว์กำไรไตรมาสแรก บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท (PS) โกย 687 ล้าน ด้าน บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ (QH)และบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) ผลงานตก ส่วนบริษัท ปริญสิริ (PRIN) ไม่ขาดทุน คาดไตรมาส 2 อ่อนตัวลงจากพิษการเมือง-เศรษฐกิจยังไม่ฟื้น

วานนี้บริษัทในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ 5 บริษัท ประกอบด้วย บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท (PS) บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ (QH) บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) บริษัท ปริญสิริ (PRIN) และบริษัท ศุภลัย (SPALI) ทยอยประกาศผลดำเนินงานงวดไตรมาสแรกปี 2552 พบว่ามีกำไรสุทธิรวม 2,204.65 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53.31% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,438 ล้านบาท

นายสมบูรณ์ วศินชัชวาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน พฤกษา เรียลเอสเตท เปิดเผยว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 687.26 ล้านบาท มีกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.31 บาท เพิ่มขึ้น 118% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 314.84 ล้านบาท มีกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.14 บาท

กำไรที่ดีขึ้นเป็นเพราะรายได้จากการขาย ทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ และคอนโดมิเนียมดีขึ้น ทำให้มีรายได้รวมเท่ากับ 3,780 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 69.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

นางสุวรรณา พุทธประสาท รองกรรมการผู้จัดการ ควอลิตี้เฮ้าส์ กล่าวว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 292.05 ล้านบาท มีกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.03 บาท ลดลง 4.79% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 306.77 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.04 บาท เพราะบริษัทมีรายได้รวม 2,233 ล้านบาท ลดลง 6% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 2,370 ล้านบาท

ขณะที่ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ มีกำไรสุทธิ 628.94 ล้านบาท มีกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.06 บาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 658.17 ล้านบาท มีกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.08 บาท

สำหรับ ศุภลัย มีกำไรสุทธิ 546.18 ล้านบาท มีกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.34 บาท เพิ่มขึ้น 192.87% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 186.49 ล้านบาท มีกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.11 บาท และ ปริญสิริ มีกำไรสุทธิ 50.22 ล้านบาท มีกำไรต่อหุ้น 0.05 บาท ดีขึ้น 206% พลิกจากงวด เดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 28.27 ล้านบาท ขาดทุนต่อหุ้น 0.02 บาท

นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า แม้ภาพรวมกำไรของกลุ่มบ้านและที่ดินจะออกมาตามคาด แต่ก็ยังคงให้น้ำหนักการลงทุน เท่าตลาด เพราะมองว่าแนวโน้มไตรมาส 2 ผลดำเนินงานจะชะลอตัวลง ส่วนหนึ่งได้รับผลกระทบจากการเมืองในช่วงเดือนเม.ย. และผลจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง ทำให้ผู้ซื้อมีกำลังซื้อที่ลดลง ส่วนครึ่งปีหลังน่าจะกลับมาดีขึ้น

นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มนี้อาจได้รับแรงหนุนจากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะพิจารณาลดดอกเบี้ยลง 0.25% ในสัปดาห์หน้า

ที่มา : โพสต์ทูเดย์ 13-05-52