ระหว่างที่การเคหะแห่งชาติ (กคช.) กำลังวุ่นกับการเร่งระบายสต็อกบ้านเอื้ออาทร ในส่วนของงานก่อสร้างก็มีปัญหาให้ต้องแก้ไขไม่หยุด
ล่าสุดผู้รับเหมาฯ 14 รายได้จับมือทำโครงการเร่งรัด (Fast Track) โดยรวมกลุ่มผู้ประกอบการบ้านเอื้ออาทร รับซื้อโครงการจากการเคหะแห่งชาติในสัญญาแบบครบวงจร (Turn Key) ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนก.ย. 2552 ด้วยเป้าหมาย 42,472 หน่วย
เนื่องจากการขายค่อนข้างชะลอตัว ผู้รับเหมาในกลุ่ม Fast Track ได้เสนอผ่อนปรนเงื่อนไขจาก กคช. เพื่อให้งานเดินหน้าได้ต่อเนื่อง ดังนี้
1.พิจารณาลดค่าควบคุมงานตั้งแต่ 1 มิ.ย.2551 จนถึงวันที่ส่งมอบงานงวดสุดท้าย
2.พิจารณาลดดอกเบี้ยย้อนหลังเหลือ 3% ในกรณีของการปรับปรุงเวลาตั้งแต่ 1 มิ.ย. 2551 จนถึงวันที่ส่งมอบงานงวดสุดท้าย
3.ขอหลักประกันในส่วนของที่ดิน คืนให้แก่ผู้ประกอบการ ในกรณีที่ความผูกพันของที่ดินได้สิ้นสุดแล้ว
4.สำหรับโครงการที่ได้รับเงินล่วงหน้าไปแล้ว และยินยอมลดหน่วยก่อสร้าง ขอให้การเคหะฯหักเงินล่วงหน้าคืนไม่เกิน 15% จากค่าก่อสร้าง โดยส่วนที่เบิกเกินจะชำระให้ภายใน 6 เดือน หลังจากได้ตรวจรับงานงวดสุดท้าย คิดดอกเบี้ยในอัตราที่ กคช.กำหนด
“เราเร่งประสานงานไปยังผู้บริหารกคช. เพื่อหาทางออกร่วมกัน แต่ยอมรับว่ารายละเอียดปัญหาจากผู้รับเหมาฯมีความซับซ้อน เพราะแต่ละรายได้รับการดูแลจาก กคช.ต่างกัน” นายกฤษดา จันทร์จำรัสแสง กรรมการ สมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ในฐานะประธานคณะทำงานประสานงานและติดตามผลในโครงการบ้านเอื้ออาทร กล่าว
“อภิสิทธิ์” ตั้งทีมปลดล็อกสวล.
นอกจากเรื่องการก่อสร้างแล้ว ปัญหาสิ่งแวดล้อมก็เป็นอีกปมที่ต้องแก้ไข ที่ผ่านมากคช.มักติดอุปสรรคปัญหาที่มักเชื่อมโยงกับการเมือง จากการเปลี่ยนผู้ดูแลหน่วยงานต้นสังกัด คือ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เมื่อเจ้ากระทรวงเปลี่ยนบ่อยทำให้งานไม่เดินหน้า
ล่าสุดโครงการบ้านเอื้ออาทร ยังไม่ได้รับการพิจารณาด้านสิ่งแวดล้อมตามแบบ สผ 4. ซึ่งเป็นประกาศ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ระบุว่า โครงการของภาครัฐทุกโครงการ ให้ถือปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ต้องจัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) รวมถึงโครงการบ้านเอื้ออาทรทั่วประเทศด้วย
นายสุชาติ ศิริโยธิพันธุ์ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กล่าวว่า ล่าสุด นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งแต่งตั้งคณะผู้เชี่ยวชาญการพิจารณาด้านสิ่งแวดล้อม ขึ้นมาพิจารณาและตรวจเอกสารด้านสิ่งแวดล้อมโครงการบ้านเอื้ออาทรโดยเฉพาะ คาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 2 เดือน จะสรุปและออกใบรับรองการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมได้
ปัจจุบันมีโครงการบ้านเอื้ออาทร 145 โครงการ จำนวนรวมเกือบ 1 แสนหน่วย ยังผิดเงื่อนไขการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม มีหลายโครงการที่ กคช.รับส่งมอบจากภาคเอกชน และเปิดขายให้กับประชาชนผู้มีรายได้น้อยแล้ว แต่พบปัญหาว่าประชาชนที่ซื้อไปไม่สามารถโอนย้าย และทำเลขที่บ้าน ไม่สามารถยื่นขอมิเตอร์ไฟฟ้าได้ และทำให้บุตร-หลานของลูกบ้าน ไม่สามารถโอนย้าย ชื่อเพื่อมาเข้าโรงเรียนในพื้นที่ได้
ที่ผ่านมา กคช.ได้แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ด้วยการให้ลูกค้าที่ซื้อและเข้าอยู่อาศัย ด้วยการออกหนังสือราชการโดยการเคหะแห่งชาติ ให้ลูกค้า 2 ฉบับ ฉบับหนึ่งนำไปติดต่อกับสำนักงานเขตเพื่อออกเลขที่บ้านและสำเนาทะเบียนบ้าน ย้ายชื่อเข้ามา อีกฉบับให้ไปยื่นขอติดตั้งมิเตอร์ไฟกับทางการไฟฟ้า
ทั้งหมดนี้ เป็นปัญหาปลีกย่อย ที่เกิดขึ้นระหว่างเส้นทางการพัฒนาโครงการบ้านเอื้ออาทร ที่แม้โครงการจะสรุปปรับแผนลดจำนวนการพัฒนาลงกว่าครึ่งแล้ว แต่นับจากวันนี้...มองไปข้างหน้าอีก 3 ปี "บ้านเอื้ออาทร" ก็ยังเป็นภาระที่ กคช. ต้องพัฒนาต่อไปท่ามกลางอุปสรรคปัญหา ไม่ว่าใครจะเข้ามาเป็นรัฐบาลก็ตาม...
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ 25-03-52
ติดต่อ ที่ดินภูเก็ต : ศักดิ์ดา การวิจิตร โทร : 081-5377146 อีเมล์ : s_karnwigit@yahoo.com
...
25 มีนาคม 2552
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น