ไนท์แฟรงค์ประกาศปี 52 งัดกลยุทธ์ อีเวนท์ ดันยอด

ไนท์แฟรงค์งัดกลยุทธ์อีเวนท์รับมือเศรษฐกิจทรุด ล่าสุด ขน 7 โครงการจัดอีเวนท์แชร์ค่าการตลาดร่วม ตั้งเป้า 12 วัน 900 ล้านบาท

นายพนม กาญจนเทียมเท่า กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า การที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ได้รับผลกระทบจากปัจจัยทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้ผู้ประกอบการทุกรายต้องเร่งปรับตัว ในส่วนของตัวแทนในการทำตลาดหรือโบรกเกอร์อย่างไนท์แฟรงค์เอง ก็ต้องปรับตัวด้วยกัน โดยปีนี้การทำตลาดให้กับโครงการต่างๆ จะใช้กลยุทธ์นำโครงการมาจัดอีเวนท์มีทั้งงานขนาดเล็กเพียง 1 โครงการและขนาดใหญ่ คือ รวมหลายๆ โครงการ

ทั้งนี้ งานอีเวนท์ขนาดเล็ก พื้นที่ประมาณ 3-4 ตารางเมตร ปีนี้จะจัดประมาณ 10 งาน ส่วนงานขนาดใหญ่จะจัดด้วยกัน 2 งานภายใต้ชื่อ Taste of Living เริ่มครั้งแรกระหว่างวันที่ 22 เม.ษ. – 3 พ.ค. 2552 ณ ชั้นเอ็ม ฮอลล์ออลเฟรม ศูนย์การค้าสยามพารากอน และอีกครั้งในเดือนพฤศจิกายน 2552 นี้

การจัดอีเวนท์ใหญ่ในลักษณะนี้สามารถรวมหลายๆ โครงการในหลายๆ พื้นที่มาไว้ ณ จุดเดียวกัน เป็นกลยุทธ์การตลาดที่สามารถลดต้นทุนการทำตลาดได้เป็นอย่างดี โดยงานดังกล่าวใช้งบการจัดงานประมาณ 5 ล้านบาทจากทุกโครงการ และใช้สื่อรวมกันในการดึงคนเข้ามาร่วมงาน เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายเห็นทุกโครงการพร้อมกัน โดยการเลือกจัดงานที่ศูนย์การค้าสยามพารากอนนั้น เนื่องจากเป็นศูนย์การค้าที่อยู่ใจกลางเมือง เป็นทำเลที่มีกลุ่มเป้าหมายของโครงการต่างๆ สามารถที่จะนำโครงการจากหลากหลายพื้นที่มารวมไว้จุดเดียวกันได้

นายพนม กล่าวอีกว่า โครงการที่เข้าร่วมงาน Taste of Living ในครั้งนี้ ประกอบด้วย โครงการโบ๊ทเฮ้าส์ หัวหิน มูลค่าที่นำมาร่วมงาน 1,500 – 1,800 ล้านบาท โครงการภูผาธารา ระยอง นำส่วนที่เหลือขายประมาณ 900 ล้านบาทมาร่วมงาน โครงการบ้านชานทะเล ชะอำ มีมูลค่าเหลือขายประมาณ 500 – 600 ล้านบาท โครงการมายรีสอร์ต มีมูลค่าเหลือขายประมาณ 1,200 ล้านบาท โครงการเดอะ สตาร์ เอสเตท แอท พัฒนาการ 69 โครงการศุภาลัย คาซา ริวา คอนโดมิเนียมริมแม่น้ำเจ้าพระยา และโครงการพาร์คเลน จอมเทียน รีสอร์ท ซึ่งแต่ละโครงการจะใช้งบในการให้ส่วนลดกับลูกค้ารวมประมาณ 5% ของเป้าหมายยอดขายหรือประมาณ 40 ล้านบาท และคาดว่าจะสามารถทำยอดขายในงานดังกล่าวได้ 800 -900 ล้านบาท

ทางด้านการทำตลาดของกลุ่มไนท์แฟรงค์ในการหาฐานลูกค้าใหม่ๆ นั้น ปีนี้จะมีโครงการใหม่เข้ามาให้ไนท์แฟรงค์บริหาร ด้วยกัน 2 โครงการ มูลค่ารวมทั้งหมด 1,700 – 1,800 ล้านบาท เป็นโครงการในกรุงเทพฯ และศรีราชา จากปัจจุบันมีโครงการที่อยู่ในการบริหารของไนท์แฟรงค์ด้วย กัน 4 โครงการ คาดว่ายอดขายรวมทั้งปีนี้จะสามารถทำได้ 2,500 – 3,000 ล้านบาท เฉพาะโครงการโบ๊ทเฮ้าส์ หัวหินอย่างเดียว ตั้งเป้าไว้ที่ 1,000 ล้านบาท

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ 31-03-52