ติดต่อ ที่ดินภูเก็ต : ศักดิ์ดา การวิจิตร โทร : 081-5377146 อีเมล์ : s_karnwigit@yahoo.com ...
23 มกราคม 2552

หลังจากที่รัฐบาลได้ประกาศมาตรการภาษี เพื่อกระตุ้นภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพิ่มเติมจากมาตรการเดิมที่มีอยู่

โดย การให้นำเงินจากการซื้อบ้านใหม่ที่จะโอนในปี 2552 มาหักค่าลดหย่อนภาษี ได้อีกในวงเงินไม่เกิน 3 แสนบาท จากเดิมที่ได้ค่าลดหย่อนภาษีจากดอกเบี้ยผ่อนบ้านอีกปีละ 1 แสนบาท

มาตรการ ดังกล่าว จะเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ที่ต้องการซื้อบ้านสามารถนำเงินมาหักภาษีได้เพิ่ม ด้วยเงินจำนวน 3 แสนบาท แต่ผลประโยชน์ที่ได้จะลดหลั่นกันไปตามรายได้ และฐานภาษีที่แต่ละบุคคลจะต้องจ่ายต่อปี

ที่แน่ๆ คนที่มีรายได้ต่ำกว่า 2 หมื่นบาท ซึ่งเมื่อหักค่าครองชีพ และค่าลดหย่อนอื่นๆ ที่มีแล้ว ไม่อยู่ในข่ายต้องเสียภาษี กลุ่มนี้ที่มีความสามารถในการซื้อบ้านในราคา 8 แสนบาทลงมาโดยประมาณ จะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์จากมาตรการนี้

ขณะที่กลุ่มคนที่มีรายได้เกิน 2 หมื่นบาทขึ้นไป ก็จะได้รับสิทธิประโยชน์ที่เพิ่มขึ้น ตามสัดส่วนของรายได้ ยิ่งรายได้มาก ยิ่งได้สิทธิประโยชน์มาก แต่กลุ่มคนที่น่าจะได้ประโยชน์จากมาตรการนี้มากที่สุด คือ ผู้มีเงินรายได้ตั้งแต่ 3-5 หมื่นบาท เนื่องจากคนกลุ่มนี้จากที่เคยเสียภาษีหากซื้อบ้านในปีนี้ และได้ค่าลดหย่อนเพิ่มจากการซื้อบ้านอีก 3 แสนบาท จะไม่ต้องเสียภาษี จึงถือว่าสร้างแรงจูงใจให้กับคนกลุ่มนี้ได้มากที่สุด

สำหรับคนกลุ่มที่มีรายได้ 3-5 หมื่นบาท ถ้าเป็นคนโสดที่ใช้รายได้ของตัวเองเพียวๆ ซื้อบ้าน จะสามารถซื้อบ้านได้ในระดับราคาตั้งแต่ 1.5-2.6 ล้านบาท (คิดจากฐานการกู้ระยะเวลา 20 ปี ดอกเบี้ย 7% และบวกเงินดาวน์ 20%) ดังนั้น บ้านในระดับราคา 1.5-2.5 ล้านบาท น่าจะได้รับอานิสงส์จากมาตรการดังกล่าวมากที่สุด

อย่างไรก็ตาม หากคิดจากฐานรายได้ของคนสองคนที่จะซื้อบ้านสร้างครอบครัวจะทำให้ฐานรายได้ รวมขยับเพิ่มขึ้นได้อีก โดยประเมินกันว่า รายได้ของครอบครัวเริ่มต้นไม่น่าจะเกิน 1 แสนบาทต่อเดือน ที่อยู่อาศัยที่จะได้ประโยชน์จากมาตรการดังกล่าว คือ บ้านตั้งแต่ราคา 1.5-5 ล้านบาท โดยประมาณ

นายประสงค์ เอาฬาร นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร บอกว่า มาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ ที่รัฐบาลประกาศออกมาจะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับธุรกิจ โดยจะช่วยกระตุ้นภาคกำลังซื้อได้ โดยการลดหย่อนภาษีให้ 3 แสนบาท จากการซื้อบ้าน จะมีผลต่อการตัดสินใจซื้อบ้าน ให้มีความเป็นไปได้มากขึ้น เมื่อรวมกับการลดหย่อนภาษีจากดอกเบี้ยผ่อนบ้าน 1 แสนบาท จะทำให้ผู้ซื้อที่อยู่อาศัย ตั้งแต่ 1 ล้านบาท จนถึง 3-6 ล้านบาท จะได้ประโยชน์จากมาตรการทั้งบ้านเดี่ยวที่อยู่ชานเมือง และทาวน์เฮาส์ในเมืองราคา 3-5 ล้านบาท ซึ่งเป็นตลาดกลุ่มใหญ่

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีมาตรการภาษีออกมาช่วย แต่จากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ผู้ประกอบการก็ยังต้องระมัดระวังในการลงทุน

ขณะที่นายอธิป พีชานนท์ นายกสมาคมอาคารชุดไทย กล่าวว่า บ้านและคอนโดมิเนียมที่จะขายดีขึ้น คือ บ้านและคอนโดมิเนียมราคา 1-3 ล้านบาท เพราะจะได้รับประโยชน์จากมาตรการ โดยเฉพาะบ้านและคอนโดมิเนียม ที่จะสร้างเสร็จภายในปีนี้ จะได้ประโยชน์แน่นอน ส่วนบ้านและคอนโดมิเนียมราคาถูก จะได้รับผลกระทบ เพราะผู้ซื้อมีความเสี่ยงจากการตกงาน และเป็นกลุ่มที่ไม่ได้รับประโยชน์จากมาตรการภาษี

นอกจากนี้ กลุ่มที่อยู่อาศัยที่จะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวในปีนี้ ได้แก่ บ้าน-คอนโดมิเนียมราคาแพง อาคารสำนักงาน นิคมอุตสาหกรรม อพาร์ตเมนต์ และเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ เป็นต้น

นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธ.อ.ส.) กล่าวว่า มาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ที่รัฐบาลประกาศออกมา จะใช้กับการซื้อบ้านใหม่ที่โอนกรรมสิทธิ์ในปี 2552 โดยสามารถนำเงินจากการซื้อไม่เกิน 3 แสนบาท มาหักค่าลดหย่อนภาษีจากรายได้พึงประเมินได้

สำหรับคนที่มีเงินเดือน 1.5 หมื่นบาท จะไม่ได้ประโยชน์เลย เพราะไม่อยู่ในข่ายที่จะต้องเสียภาษีอยู่แล้ว ส่วนคนที่มีรายได้ 2 หมื่นบาท ถ้าซื้อบ้าน และนำมาหักค่าลดหย่อน 3 แสนบาท เมื่อคำนวณการเสียภาษี แล้ว จะได้ประโยชน์ 3,000 บาท คนที่มีรายได้ 3 หมื่นบาท จะได้ประโยชน์ 1.5 หมื่นบาท ส่วนคนที่มีรายได้ 5 หมื่นบาท ได้ 2.9 หมื่นบาท

อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าวยังมีข้อข้องใจอยู่อีกมาก เนื่องจากหลักปฏิบัติที่ยังไม่ชัดเจน และอาจจะกลายเป็นช่องที่ทำให้มาตรการดังกล่าวได้ไม่คุ้มเสีย

โดยแหล่งข่าวระดับสูงจากวงการอสังหาริมทรัพย์ ให้ความเห็นว่า หลักปฏิบัติหลายๆ อย่างยังไม่ชัดเจน เช่น การที่ให้นำเงินจากการซื้อที่อยู่อาศัยมาหักค่าลดหย่อนเพิ่ม โดยไม่ได้กำหนดว่า จะต้องวางเงินดาวน์ จะทำให้ในช่วงปลายปีจะมีการซื้อบ้านโดยไม่ต้องดาวน์มากขึ้น ซึ่งอาจจะเกิดปัญหาขึ้นในปีถัดไป หากคนซื้อมีเจตนาเพื่อนำมาหักลดหย่อนภาษี นอกจากนี้การไม่ได้กำหนดว่าแต่ละคนจะซื้อบ้านได้กี่หลัง ก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาการซื้อเพื่อเก็งกำไรมากขึ้นก็ได้

ที่สำคัญที่สุด ผู้บริโภคที่คิดจะซื้อบ้าน อย่าได้เคลิบเคลิ้มว่าจะได้ลดหย่อนภาษีเพิ่มอีก 3 แสนบาทเท่านั้น เพราะมาตรการดังกล่าว ให้ประโยชน์แค่ปีเดียว หลังจากนั้นทุกอย่างจะคืนกลับสู่ปกติ จึงควรดูที่ภาระระยะยาวว่าจะผ่อนได้มากน้อยแค่ไหนเป็นหลัก น่าจะปลอดภัยกว่า

ที่มา : โพสต์ทูเดย์ 22-01-2552

0 ความคิดเห็น: