ซีพีแลนด์เตรียมงบพันล้าน ซื้อออฟฟิศ -โรงแรมราคาถูก

ซีพีแลนด์ เล็งซื้ออสังหาฯราคาถูกจากพิษเศรษฐกิจ จับตาทรัพยสินเลห์แมน ทั้งโรงแรม สำนักงานเร่ขายกว่า 20 แห่ง ชี้เป็นโอกาสเหมาะลงทุน เตรียมงบ 1 พันล้าน พร้อมซื้อออฟฟิศ ทำเลดี เล็งขยายโรงแรม 3 ดาวตจว.เจาะธุรกิจ

นายสุนทร อรุณานนท์ชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานคณะผู้บริหาร กลุ่มธุรกิจพัฒนาที่ดิน เครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ ซีพี แลนด์ เปิดเผยว่า ในภาวะปัจจุบันซึ่งเศรษฐกิจโลกมีปัญหา เป็นโอกาสดีที่คนมีเงินทุนจะขยายการลงทุน โดยเฉพาะกลุ่มทุนคนไทย ซึ่งซีพีฯเอง มีความพร้อม มีเงินสดหมุนเวียนมากพอ สำหรับการลงทุน เนื่องจากกลุ่มทุนต่างชาติมีปัญหา และเชื่อว่าจะไม่ขยายการลงทุนเข้ามาในไทยเพิ่ม

ใน ขณะที่ ตลาดอสังหาฯในไทย ก็เริ่มมีของถูกประเภท สินค้าที่ต่อเนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจโลก เช่น อสังหาฯของกลุ่มเลห์แมน บราเดอร์ส ซึ่งมีปัญหาจากวิกฤติซับไพร์ม ขณะนี้ทรัพย์สินของเลห์แมนฯ ในไทยทุกรายการกำลังประกาศขาย ในส่วนของโรงแรมที่มีกว่า 10 แห่ง และอาคารสำนักงานอีกกว่า 10 แห่ง ก็ประกาศขายเช่นกัน มีทั้งที่สร้างเสร็จแล้ว และที่ยังอยู่ระหว่างก่อสร้าง เป็นทรัพย์สินที่น่าสนใจ และเชื่อว่าราคายถูกลงไม่น้อยกว่า 10% ของราคาปกติ

ซีพีแลนด์ มีงบสำหรับการลงทุนที่เตรียมไว้กว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้กำลังดูทรัพย์สิน บางรายการที่มีศักยภาพ เช่นอาคารสำนักงาน ทำเลธุรกิจชั้นใน (ซีบีดี) และโรงแรม ในต่างจังหวัด ในกลุ่มโรงแรม 3 ดาว เพื่อเจากลุ่มธุรกิจคนไทย ที่เดินทางติดต่องานในต่างจังหวัด เชื่อว่าเป็นโอกาสดีในการลงทุน “ขณะนี้ มีการเสนอขายเข้ามามาก เรากำลังดูอาคารสำนักงานอยู่ 2-3 แห่ง อาจเข้าไปซื้อ หากต่อรองราคาได้ต่ำ ซึ่งเกิดขึ้นบ้างแล้ว เช่นเมื่อเร็วๆ นี้ได้ดีล ซื้ออสังหาฯจากราคาเดิมที่ควรได้ 400 ล้านบาท ซื้อมาได้เพียง 300 ล้านบาท” นายสุนทร กล่าว

ส่วนการลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ นายสุนทร กล่าวว่า คงต้องมาทบทวนแผนอีกครั้ งเช่น โครงการเดอะเฌอ ที่พัทยา มูลค่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งเดิมออกแบบเจาะกลุ่มต่างชาติ ตอนนี้ตลาดต่างชาติหดหาย ก็ต้องมาปรับแผนโครงการนี้ใหม่ คาว่าใช้เวลาอีกไม่น้อยกว่า 3 เดือน เพื่อปรับรายละเอียดโครงการ และแผนลงทุนหันมาเจาะคนไทยแทน

“ผมว่า นับจากนี้ไปอีก 3-5 ปี การเปิดตัวอสังหาฯ โครงการใหม่ จะมีน้อยลง เพราะภาวะเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวย แต่การลงทุนแบบเข้าไปซื้อ เปลี่ยนมือมาพัฒนาต่อ จะมีให้เห็นมากขึ้น” นายสุนทร

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ 26-12-2551