โบรกเกอร์ชี้ช่องรอจังหวะช้อนซื้ออสังหาฯ เมืองท่องเที่ยวชายทะเล หลังการเมืองป่วนตลาดยังซึมยาว
นายพนม กาญจนเทียมเท่า กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า สาเหตุที่ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ริมทรัพย์ในเมืองท่องเที่ยวชายทะเลยังคง อยู่ในภาวะชะลอตัว เป็นเพราะตลาดส่วนหนึ่งเป็นชาวต่างชาติ แต่เมื่อเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และการเมืองบ้านเรายังปั่นป่วน ทำให้ต่างชาติยังไม่กลับมาซื้อในตอนนี้
สำหรับพื้นที่ที่มีต่างชาติเป็นตลาดหลักอย่างพัทยาจึงค่อนข้างได้รับผล กระทบค่อนข้างแรง มีโครงการที่สร้างมาแล้วขายไม่ออกค้างอยู่เป็นจำนวนมาก หลายโครงการสร้างต่อไม่ได้จนต้องเลิกโครงการไป โครงการที่ขายอยู่ก็จำเป็นต้องลดราคา เพื่อกระตุ้นการซื้อของผู้บริโภค เพราะยังมีปริมาณสินค้าค้างอยู่มาก
ส่วนตลาดที่ ชะอำ หัวหิน ตลาดก็ยังทรงๆ ตัว เพราะยังมีกำลังซื้อคนไทยเข้ามาประคับประคองอยู่ส่วนหนึ่ง แต่ก็คงไม่ได้ดีอะไรมากนัก ราคาซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ดังกล่าวยังสามารถต่อรองกันได้
ขณะที่ตลาดภูเก็ต กระบี่ พังงา ในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา สถานการณ์เริ่มดีขึ้น เพราะการท่องเที่ยวที่เริ่มกลับมา ชาวต่างชาติเริ่มกลับมาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตอีกครั้ง แต่เมื่อสถานการณ์การเมืองเริ่มกลับมาตึงเครียดอีก
ทั้งนี้ถ้ามองในแง่ของการซื้อเพื่อการลงทุนแล้ว ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเมืองท่องเที่ยว แม้จะหวังผลตอบแทนในแง่ของการราคาค่าเช่าไม่ได้นัก แต่การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เหล่านั้นจะสามารถคาดหวังผลตอบแทนจากมูลค่าที่ เพิ่มขึ้นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะที่คนต้องการขายมากกว่าคนต้องการซื้อ ทำให้สามารถต่อรองราคาได้
เพราะขณะนี้แต่ละพื้นที่ก็มีการลดราคากันตั้งแต่ 10% ไปจนถึง 20-30% เพื่อให้โครงการอยู่รอด อาจจะมีข้อยกเว้นที่ภูเก็ตที่อาจจะต่อรองได้ยากดหน่อย เพราะผู้ประกอบการรู้อยู่ว่า อสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตยังเป็นที่ต้องการของต่างชาติ ถ้าสามารถอึดเก็บเอาไว้ก็สามารถขายได้เมื่อตลาดฟื้นตัว ซึ่งใช้เวลาค่อนข้างเร็ว
ดังนั้น สำหรับคนที่มีเงินออมแบบเงินเย็นแล้วไม่รู้จะเอาไปทำอะไร ในสถานการณ์ขณะนี้ก็ลองไปหาซื้ออสังหาริมทรัพยืในเมืองท่องเที่ยวเก็บไว้ รอจังหวะฟื้นตัว โดยในช่วงนี้อาจจะเก็บไว้ใช้เป็นบ้านหลังที่สองสำหรับผักผ่อน และขายเมื่อได้ราคาที่พอใจก็เป็นช่องทางที่น่าสนใจ
จากการสำรวจโครงการที่อยู่อาศัยในเมืองท่องเที่ยวชายทะเลทั้ง 4 แห่ง ของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ พบว่าใน จ.ภูเก็ต มีโครงการจัดสรรเหลือขาย 6 ยูนิตขึ้นไป 60 โครงการ จำนวน 8,950 หน่วย มูลค่ารวม 3.1 หมื่นล้านบาท ยังเหลือขายอยู่ 2,470 หน่วย หากไม่มีอุปทานใหม่คาดว่าต้องใช้เวลา 2 ปี จึงจะระบายหมด
สำหรับโครงการอาคารชุดมีเกือบ 90 โครงการ จำนวน 5,000 หน่วย มูลค่ารวม 4 หมื่นล้านบาท ยังเหลือขาย 2,250 หน่วย ขณะที่โครงการวิลล่ามี 80 โครงการ จำนวน 1,900 หน่วย มูลค่ารวม 5.7 หมื่นล้านบาท ยังเหลือขาย 1,000 หน่วย
นอกจากนี้ จากการสำรวจยังพบว่ามีโครงการที่ชะลอการขายซึ่งเป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจซบเซา อย่างน้อย 25 โครงการ เป็นบ้านจัดสรร 7 โครงการ อาคารชุด 11 โครงการ และวิลล่า 7 โครงการ และยังพบว่าโครงการวิลล่า 13 โครงการ มีการปรับราคาลง 10-20% เพื่อกระตุ้นการขายด้วย
สำหรับ จ.ชลบุรี มีโครงการบ้านจัดสรรอยู่ระหว่างขาย 220 โครงการ จำนวน 2 หมื่นหน่วย มูลค่ารวม 5.1 หมื่นล้านบาท ยังเหลือขาย 9,300 หน่วย อาคารชุดมี 80 โครงการ จำนวน 1.6 หมื่นหน่วย มูลค่ารวม 7 หมื่นล้านบาท ยังมีหน่วยเหลือขาย 8,000 หน่วย ส่วนโครงการวิลล่าเปิดขาย 9 โครงการ จำนวน 400 หน่วย มูลค่ารวม 6,000 ล้านบาท ยังมีหน่วยเหลือขาย 100 หน่วย
ด้านตลาดในชะอำ หัวหิน และปราณบุรี พบว่ามีโครงการบ้านจัดสรรที่เปิดขาย 30 โครงการ จำนวน 1,900 ล้านบาท มูลค่ารวม 7,200 ล้านบาท ยังเหลือขายอยู่ 1,000 หน่วย อาคารชุดเปิดขายเกือบ 30 โครงการ จำนวน 3,600 หน่วย มูลค่ารวม 2.5 หมื่นล้านบาท ยังเหลือขาย 2,000 หน่วย ส่วนโครงการวิลล่ามี 14 โครงการ จำนวน 650 หน่วย มูลค่ารวม 8,200 ล้านบาท ยังเหลือ 350 หน่วย
นอกจากนี้ ในพื้นที่เกาะสมุย พบว่า มีโครงการบ้านจัดสรรเปิดขาย 15 โครงการ จำนวน 300 หน่วย มูลค่า 1,400 ล้านบาท ยังเหลือขาย 200 หน่วย อาคารชุดมี 14 โครงการ จำนวน 500 หน่วย มูลค่า 3,500 ล้านบาท ยังเหลือขาย 250 หน่วย ส่วนวิลล่ามี 50 โครงการ จำนวน 800 หน่วย มูลค่ารวม 2.2 หมื่นล้านบาท ยังเหลือขาย 500 หน่วย
ที่มา : โพสต์ทูเดย์ : 09 มี.ค. 53
ติดต่อ ที่ดินภูเก็ต : ศักดิ์ดา การวิจิตร โทร : 081-5377146 อีเมล์ : s_karnwigit@yahoo.com
...
13 มีนาคม 2553
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น