โจนส์แลงฯ คาดไม่ต่ออายุมาตรการอสังหาริมทรัพย์ส่งผลกระทบไม่มาก แนวโน้มดอกเบี้ยและ สถานการณ์ทางการเมืองยังคงเป็นปัจจัยที่น่ากังวลมากกว่า
การที่รัฐบาลไม่ต่ออายุ มาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ด้วยการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนและภาษี ธุรกิจเฉพาะสำหรับการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ คาดว่าจะมีผลกระทบต่อการขยายตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ไม่มากนัก แม้ มาตรการดังกล่าว มีส่วนช่วยให้ต้นทุนการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ลดลง ตามความคิดเห็นจากนายล่องลม บุนนาค ประธานกรรมการ บริษัท โจนส์ แลง ลาซาลล์ (ประเทศไทย) จำกัด
"คาดว่าหลังจากหมดอายุมาตรการ ผู้ประกอบการ จะมีการใช้ กลยุทธ์จัดการกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นในลักษณะที่แตกต่างกันออกไป สำหรับโครงการที่อยู่อาศัยบางโครงการ ผู้ประกอบการอาจสามารถผลักภาระจากค่าธรรมเนียมการโอนและภาษีธุรกิจจำเพาะที่ เพิ่มขึ้นไปยังผู้ซื้อด้วยการบวกเข้าไปในราคาขาย เพื่อให้สามารถรักษาระดับผลกำไรของโครงการ แต่สำหรับโครงการที่มีการแข่งขันสูง และมีกลุ่มลูกค้าที่มีความอ่อนไหวในเรื่องราคา อาจสามารถปรับราคาขึ้นได้ยาก เพราะจะทำให้การขายโครงการทำได้ยากขึ้น"
สำหรับผลกระทบที่เห็นใน ทันทีจากการประกาศไม่ต่ออายุมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาล คือ จะเร่งให้มีการซื้อและโอนให้เร็วขึ้นในช่วงนี้ ก่อนมาตรการดังกล่าวจะสิ้นสุดลงในวันที่ 28 มีนาคมนี้ ซึ่งอาจทำให้ดูเหมือนว่า จะมีกิจกรรมการซื้อขายเพิ่มมากขึ้นเป็นพิเศษในระหว่างที่มีมาตรการนี้อยู่ และจากนั้น ยอดการโอนคาดว่าจะมีปริมาณเบาบางลง แต่ปริมาณการโอนที่เบาบางลงอาจไม่สามารถสรุปได้ว่า เป็นผลมาจากการไม่ต่ออายุมาตรการ แต่เป็นเพราะได้มีการเร่งโอนไปแล้วในช่วงก่อนหน้า
แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยและสถานการณ์ทางการเมืองน่ากังวลมากกว่า
นอกเหนือจากการไม่ต่ออายุมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ สิ่งที่ต้องจับตาเพิ่มเติมต่อไปคือ ทิศทางของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่จะมีผลต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์มากกว่ามาตรการกระตุ้น จากภาครัฐฯ ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้มีผลโดยตรงต่อความสามารถในการซื้อ ดังนั้น หากรัฐบาล ยังคงใช้นโยบาย อัตราดอกเบี้ย ต่ำ น่าจะส่งผลดีต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์มากกว่า เพราะทุกๆ เปอร์เซ็นต์ของอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้น หมายถึงความสามารถในการซื้อที่ลดต่ำลง อย่างไรก็ดี มีแนวโน้มว่า อัตราดอกเบี้ยอาจปรับตัวขึ้นในอนาคตอันใกล้ หลังจากที่แนวโน้มทางเศรษฐกิจเริ่มปรับตัวดีขึ้น
อีกปัจจัยหนึ่งที่มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่ากันคือความเชื่อมั่นของผู้ บริโภค ซึ่งอิงอยู่กับสภาพเศรษฐกิจเป็นสำคัญ ในช่วงที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยมีการปรับการประมาณการตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจสูงขึ้นเป็น 3.5 ถึง 4.5% แต่ยังคงมีปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญคือ ปัญหาความไม่แน่นอนของสถานการณ์ทางการเมืองซึ่งหากเกิดความวุ่นวายขึ้น เหมือนหลายๆ เหตุการณ์ที่ผ่านมา อาจมีผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และบั่นทอนความเชื่อมั่นผู้บริโภค ซึ่งอาจทำให้เกิดการชะลอการซื้อในตลาดอสังหาริมทรัพย์ได้ ดังนั้น รัฐบาลจึงควรเตรียมมาตรการต่างๆ ให้พร้อมมากที่สุด เพื่อป้องกันหรือจำกัดสถานการณ์ความวุ่นวายให้ได้มากที่สุด
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : 01 มี.ค. 53
ติดต่อ ที่ดินภูเก็ต : ศักดิ์ดา การวิจิตร โทร : 081-5377146 อีเมล์ : s_karnwigit@yahoo.com
...
1 มีนาคม 2553
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น