คลอลิเออร์ชี้อาฟตาหนุนอสังหาฯ บูม

คลอลิเออร์ฯ ชี้ทิศตลาดอสังหาฯ ไทยแนวโน้มรุ่งต่อเนื่อง หลังได้แรงส่งเปิดเสรีอาฟตา หนุนทุกเซกเม้นท์ตลาดมีโอกาสเป็นดาวเด่น

นายปฏิมา จีระแพทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท คลอลิเออร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ภาคธุรกิจอสังหาฯ ทุกเซกเมนท์ ในปีนี้คาดว่าจะมีแนวโน้มไปในทิศทางที่ดี ส่วนหนึ่งได้แรงหนุนจากการเปิดเสรีอาฟตา ทำให้มีการค้าและการลงทุนในภูมิภาคอาเซียนมากขึ้น และหากตัดความกังวลปัญหาการเมืองภายในประเทศไทยออกไป แล้วมองเฉพาะการคาดการณ์ถึงแนวโน้มจีดีพีเศรษฐกิจไทยในปี 2553 นี้จะปรับขึ้น 3.5% ซึ่งสะท้อนภาพของเศรษฐกิจและธุรกิจมีแนวโน้มดีขึ้น

หากพิจารณารายเซคเตอร์แล้วจะพบว่า ภาคธุรกิจอสังหาฯ ประเภทให้เช่าที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว ทั้งโรงแรม เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์นั้นหากยอดนักท่องเที่ยวในปีนี้เป็นไปตามที่การท่อง เที่ยวแห่งประเทศไทยคาดการณ์ว่า น่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาไทยที่ 15-15.5 ล้านคนหรือเพิ่มขึ้น 7-10%จากปี 2552 น่าส่งผลต่อโรงแรม เซอร์วิสอพาร์ตเม้นท์ในระดับที่ทรงตัวด้านราคาที่พบว่าโดยเฉลี่ยราคาห้องพัก โรงแรมในปี 2552 ได้มีการปรับลดลงในรูปแบบต่างๆ ทั้งทางตรงและทางอ้อมอยู่ที่ 30-40% โดยในปี 2553 จะโรงแรม 4-5 ดาวมีห้องพักที่จะแล้วเสร็จเข้ามาสู่ตลาดในย่านซีบีดี 4,600 ห้อง ซึ่งเพิ่มมาอีกประมาณ 14% ขณะที่ราคาห้องพักของเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์เกรดเอ ลดลง 5-10%

ส่วนตลาดอาคารสำนักงานเกรดเอ นั้นเนื่องจากผู้เช่าจะใช้วิธีต่อรองราคาค่าเช่ากับเจ้าของอาคารแทนการย้าย สำนักงานใหม่ ประกอบกับซัพพลายใหม่ที่เข้าสู่ตลาดนั้นมีไม่มากนัก ทำให้สามารถปรับราคาเช่าอาคารสำนักงานปรับขึ้นได้ไม่มากเฉลี่ยเพียง 5%

ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวของตลาดอาคารสำนักงานจะมีความสัมพันธ์กันกับการลงทุนในภาค อุตสาหกรรม ซึ่งยอมรับว่ากรณีปัญหามาบตาพุดนั้นที่ต้องรอผลสรุปอีก 9 เดือนข้างหน้านั้น กระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติมาก
ขณะ ที่ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ประเภทค้าปลีกนั้น จะมีการลงทุนในรูปแบบ คอมมูนิตี้มอลล์เพิ่มขึ้น ราคาค่าเช่าน่าจะขยับได้ 5-10% สำหรับคอนโดมิเนียมใกล้กับระบบขนส่งมวลชนแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยคอนโดหรูราคาน่าจะปรับขึ้น 5% และยังมองว่าตลาดต่างประเทศยังมีความสนใจซื้อคอนโดมิเนียมหรูในไทยเพียงแต่ ต้องหาตลาดใหม่ๆ ดังกล่าวให้พบ ซึ่งขณะนี้คลอลิเออร์ได้ รับการติดต่อให้นำเอาห้องชุดในคอนโดมิเนียมระดับราคา 2 แสนบาทต่อตร.ม.ขึ้นไปไปขายให้แก่คนจีนที่อาศัยอยู่ในอินโดนีเซีย ที่มีสัดส่วนเพียง 5% ของประชากรอินโดนีเซียทั้งหมด แต่เป็นกลุ่มที่มีฐานะ

ส่วนตลาดที่อยู่อาศัยระดับราคาปานกลางใกล้กับระบบขนส่งมวลชนราคาขยับ 5-15% ซึ่งถึงแม้ตลาดคอนโดจะมีแนวโน้มดีแต่ส่วนตัวก็หวั่นจะเกิดปัญหาโอเวอร์ ซัพพลายจากการที่มีผู้ประกอบการมือใหม่เข้ามาเปิดโครงการตามผู้ประกอบการราย อื่นๆ

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ :12-01-53