อสังหาริมทรัพย์เริ่มคึกเชื่อเศรษฐกิจส่อผงกหัวได้

อสังหาริมทรัพย์ เร่งบูม แอล.พี.เอ็น.ลุยผุดคอนโดอีก 3 โครง การกว่า 6,000 ล้าน ธารารมณ์ แห่ จัดอีเวนต์หลังเชื่อเศรษฐกิจเริ่มฟื้น

นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเม้นท์ เปิดเผยว่า ในไตรมาส 2 และ 3 นี้ บริษัทจะเปิดโครงการใหม่ 3 แห่ง หลังชะลอการเปิดโครงการมาตั้งแต่กลางปีก่อน เพราะวิกฤตเศรษฐกิจโลกกระทบไทย โดยที่ผ่านมาบริษัทหันมาระบายสต๊อกที่มีอยู่ เพื่อเก็บเงินสดสร้างความแข็งแกร่ง ขณะนี้มีเงินสดในมือกว่า 2,000 ล้านบาท หากเกิดปัญหาเศรษฐกิจขึ้นถึงขั้นเลวร้าย บริษัทก็ยังสามารถพัฒนาโครงการ หรือใช้หนี้คืนเจ้าหนี้ได้จากเงินสดที่มีอยู่

ขณะเดียวกันเมื่อประเมินสถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจ ในช่วงนี้จากยอดขายของ โครงการ จะพบว่าเริ่มกลับเข้าสู่สภาพปกติ โดยพิจารณาจากคนเข้าชมโครงการเมื่อปีที่แล้วเฉลี่ย 350 รายต่อสัปดาห์ ในขณะที่ 18 สัปดาห์ของปีนี้ มีคนเข้าชมโครงการเฉลี่ย 323 รายต่อสัปดาห์ หรือหากนับในช่วงที่มีการขาย 12 สัปดาห์จะมีคนเข้าชมโครงการเฉลี่ย 358 รายต่อสัปดาห์

นายโอภาส กล่าวว่า แม้ช่วงเกิดความไม่สงบจากการชุมนุมในช่วงสงกรานต์ หลังจากนั้นบริษัทก็ยังมียอดขายเข้ามากว่า 100 ล้านบาท ทำให้บริษัทมั่นใจว่าตลาดอสังหาริม ทรัพย์จะสามารถเติบโตต่อไปได้ ประกอบกับจำนวนคอนโดมิเนียมในตลาดเริ่มลดลง แม้ว่ากำลังซื้อจะลดลงด้วยก็ตาม แต่ถือว่าลดลงในสัด ส่วนที่น้อยกว่าจำนวนสินค้าในตลาด ถ้าขณะนี้ใครมีสินค้าถือว่าได้เปรียบ

ทั้งนี้ บริษัทจึงตัดสินใจเดินหน้าลงทุน โดยโครงการใหม่ 3 แห่งที่เตรียมจะเปิดตัวในไตรมาส 2 และ 3 หลังจากที่เพิ่งเปิดโครงการใหม่ไปเพียง 1 โครงการเมื่อต้นปี คือ โครงการลุมพินี คอนโดทาวน์ นวมินทร์ ราคา 6.9 แสนบาท โครงการลุมพินี วิลล์ ปิ่นเกล้า ราคา 1 ล้านบาทต้นๆ จำนวน 2,400 ยูนิต และโครงการ ลุมพินี วิลล์ ราษฎร์บูรณะ-สุขสวัสดิ์ ราคา 1 ล้านบาทต้นๆ จำนวน 1,100 ยูนิต ด้านนายวสันต์ เคียงศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธารารมณ์ เอ็นเตอร์ไพร์ส กล่าวว่า แผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้ บริษัทจะหันมาทำกิจกรรมส่งเสริมการขายและจัดงานอี เวนต์ เช่น การเข้าไปจัดโรดโชว์ตามศูนย์การค้าต่างๆ ซึ่งในปีนี้บริษัทจะทำเพิ่มจากปีที่ผ่านมา 1 เท่าตัว หรือเฉลี่ยการจัดงาน 2 ครั้งต่อ 1 เดือน จากปกติจะจัดเดือนละ 1 ครั้ง ภายใต้งบการตลาดทั้งปีที่ 50 ล้านบาท เท่ากับปีที่ผ่านมา เพื่อเป็นการกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภค เนื่องจากสัญญาณทางเศรษฐกิจ และการเมืองเริ่มมีการปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น

ที่มา : โพสต์ทูเดย์ 15-05-52