ติดต่อ ที่ดินภูเก็ต : ศักดิ์ดา การวิจิตร โทร : 081-5377146 อีเมล์ : s_karnwigit@yahoo.com ...
2 เมษายน 2552

เซียนฟันธงกองทุนอสังหาริมทรัพย์น่าลงทุน เหตุราคาลดลงแล้วกว่า 30% ขณะที่ให้ผลตอบแทนกว่า 8-9% ต่อปี

นายสันติ กีระนันทน์ ผู้ช่วยผู้จัดการกลุ่มงานพัฒนา ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวในงานสัมมนา “กองทุนรวมอสังหาฯ เพิ่มโอกาสทำกำไร ลงทุนง่าย กระจายความเสี่ยง” ว่า ขณะนี้ราคาของกองทุนอสังหาริมทรัพย์โดยเฉลี่ยได้ปรับตัวลดลง 30% หรืออยู่ที่ระดับ 70% ของมูลค่าหน่วยลงทุน ซึ่งผลของการลดลงของราคาได้ผลักดันให้อัตราผลตอบแทนของกองทุนรวมอสังหาริม ทรัพย์แบบสิทธิการเช่า (Lease Hold) ณ วันที่ 27 มี.ค. อยู่ที่ระดับ 9.4% ส่วนกองทุนอสังหาริมทรัพย์แบบได้กรรมสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของ (Free Hold) อยู่ที่ระดับ 8.23%

“กองทุนอสังหาริมทรัพย์เป็นส่วนผสมระหว่างตราสารหนี้กับหุ้น ดังนั้นหาก ไม่ชอบตราสารหนี้ ถือว่าเป็นทางเลือกลงทุนประเภทหนึ่ง แต่ก็ต้องยอมรับว่าความเสี่ยงจะอยู่ในอีกระดับหนึ่ง” นายสันติ กล่าว

อย่างไรก็ตาม การเข้าซื้อกองทุนค่อนข้างมีความเสี่ยงในเรื่องสภาพคล่องจากการซื้อขาย เพราะปัจจุบันพบว่ามีการซื้อขายหมุนเวียนของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ เฉลี่ยต่อวันที่ระดับประมาณ 55,440 บาท เทียบกับมูลค่าตลาดรวม (มาร์เก็ตแคป) ของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่มีจำนวน 4.9 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการซื้อขายหมุนเวียน (Turn over ratio) ที่ 0.01% เท่านั้น

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส (ASP) กล่าวว่า ราคาของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่ปรับตัวลดลงนี้ถือว่าผิดปกติเมื่อเทียบกับ การลดลงของราคาสินทรัพย์แท้จริงหรือราคาที่ดิน สาเหตุเป็นเพราะราคาของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ลดลงตามราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลง ดังนั้นมองว่าขณะนี้เป็นโอกาสดีจะเข้าไปลงทุน

นอกจากนี้ ข้อดีสำหรับการลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์แทนการปล่อยให้เช่าผ่าน นิติบุคคล คือจะไม่ต้องเสียภาษีนิติ บุคคล แต่อาจมีข้อเสียสำคัญคือขาดสภาพคล่องในการซื้อขาย ดังนั้นเงินสำหรับนำมาลงทุนต้องพร้อมเป็นการลงทุนระยะยาว

นายณัฐพล ชวลิตชีวิน กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) กล่าวว่า ในช่วงเดือนเม.ย. ของทุกปี จะเป็นช่วงที่บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จะมีการประชุมผู้ถือหุ้น และขอมติในการออกหุ้นกู้จำนวนมากล่าสุด บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) ได้รับการอนุมัติออกหุ้นกู้จำนวน 5 หมื่นล้านบาท และจะเห็นว่าหุ้นกู้ส่วนใหญ่ที่ขายในขณะนี้จะขายให้กับรายย่อยเป็นหลัก ทั้งนี้เพราะในส่วนของนักลงทุนสถาบันยังกังวลเรื่องเศรษฐกิจและกลัวหุ้นกู้ จะถูกลดเครดิต จึงหลีกเลี่ยงลงทุนหุ้นกู้

อย่างไรก็ตาม หุ้นกู้ก็เป็นทางเลือกลงทุนยามดอกเบี้ยต่ำได้ เพราะขณะนี้ดอกเบี้ยหุ้นกู้เฉลี่ยสูงกว่า 4-5% ซึ่งสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก และในฝั่งของผู้ออก หุ้นกู้ดอกเบี้ยระดับนี้ก็ไม่ถือว่าแพง เพราะหากเศรษฐกิจฟื้น โอกาสที่ดอกเบี้ยจะ พุ่งขึ้นก็มี

ที่มา: โพสต์ทูเดย์ 02-04-09

0 ความคิดเห็น: