ติดต่อ ที่ดินภูเก็ต : ศักดิ์ดา การวิจิตร โทร : 081-5377146 อีเมล์ : s_karnwigit@yahoo.com ...
10 กรกฎาคม 2552

ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส เปิดเผยสำรวจวิจัยตลาดอสังหาริมทรัพย์ตากอากาศในประเทศไทย ณ เดือน มิ.ย. 2552 พบว่า ใน 4 พื้นที่ คือ พัทยา-ระยอง หัวหิน-ชะอำ สมุย และภูเก็ต มีการลงทุนโครงการอสังหาริมทรัพย์ตากอากาศรวม 365 โครงการ จำนวน 24,215 ยูนิต มีมูลค่ารวม 254,986 ล้านบาท และมีราคาเฉลี่ยสูงถึง 10.530 ล้านบาทต่อยูนิต แพงกว่าราคาที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่งมีราคาเฉลี่ยประมาณ 3.7 ล้านบาท (ตัวเลขเฉพาะโครงการที่เปิดตัวใหม่ช่วง 5 เดือนแรกของปี 2552)

ภูเก็ตมีโครงการอสังหาริมทรัพย์ตากอากาศรวม 123 โครงการ มูลค่าสูงสุดถึง 100,717 ล้านบาท หรือประมาณ 40% ของทั้งหมด และมีราคาอสังหาริมทรัพย์ตากอากาศเฉลี่ยสูงสุดถึงหน่วยละ 21.739 ล้านบาท หรือประมาณ 620,000 ดอลลาร์สหรัฐ

หัวหินเป็นทำเลที่มีโครงการอสังหาริมทรัพย์ตากอากาศมากที่สุดถึง 133 โครงการ รวม 9,804 ยูนิต แต่ส่วนมากเป็นโครงการขนาดเล็ก จึงมีราคาขายเฉลี่ยต่ำที่สุดเพียง 5.852 ล้านบาท และหัวหินเป็นทำเลที่มีผู้ซื้อเป็นกลุ่มคนไทยมากกว่าชาวต่างชาติ

สำหรับพัทยา แม้จะมีโครงการตากอากาศไม่มากเพียง 63 โครงการ แต่กลับมีมูลค่าการพัฒนาสูงเป็นอันดับ 2 รองจากภูเก็ต คือ 76,220 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการพัฒนาคอนโดมิเนียมที่มีจำนวนยูนิตค่อนข้างมาก ราคาเฉลี่ยต่อยูนิตอยู่ที่ 8.797 ล้านบาท กลุ่มผู้ซื้อเป็นชาวต่างชาติจากทั่วโลก

ส่วนสมุยแม้จะมีจำนวนโครงการน้อยที่สุดเพียง 46 โครงการ รวม 1,114 ยูนิต แต่ราคาเฉลี่ยต่อยูนิตกลับสูงถึง 18.557 ล้านบาท หรือ 530,000 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกา เจาะกำลังซื้อชาวต่างชาติในกลุ่มตลาดบน

สถานการณ์การขายปัจจุบัน ขณะนี้ยังมียูนิตขายรอขายประมาณ 11,509 ยูนิต โดยขายไปแล้ว 12,706 ยูนิต ส่วนภาพรวมของการขายในปีนี้อาจลดลงจากเดิมบ้าง จากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก และปัญหาการเมืองในประเทศ ซึ่งทำให้ต่างชาติชะลอการตัดสินใจซื้อ แต่น่าจะกระทบในส่วนน้อยเท่านั้น ยกเว้นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่อาจไม่มั่นใจบ้าง จากปัญหาโรคระบาดในขณะนี้

หากพิจารณาจากตัวเลขการเปิดตัวโครงการตากอากาศ ถือว่าภาวะตลาดในปี 2551 ยังดีกว่าปี 2552 โดยพบว่า พัทยามีการเปิดตัวในปี 2551 มากที่สุดถึง 2,506 ยูนิต มูลค่า 18,176 ล้านบาท จากภาพรวมทั้งตลาดที่มีการเปิดตัวใหม่ 5,060 ยูนิต มูลค่ารวม 41,016 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามอสังหาริมทรัพย์ในเมืองท่องเที่ยวของไทยยังมีเสน่ห์ดึง ดูดความสนใจนักลงทุน และเป็นที่นิยมของชาวต่างชาติ แต่ยังขาดนโยบายภาครัฐในการส่งเสริมธุรกิจ ทำให้เกิดปัญหาการซื้อขายที่ผิดกฎหมาย เช่น ให้ทำสัญญา 90 ปี ซึ่งในความเป็นจริงไม่มีผลทางกฎหมาย หรือการจดทะเบียนนิติบุคคลไทยมาซื้ออสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งนำไปสู่การทุจริตในวงราชการ เป็นการสร้างปัญหาเรื่องการจัดการ การใช้ที่ดินของชาวต่างชาติในอนาคต

โดย ผู้จัดการ 360° 09-07-52

0 ความคิดเห็น: