อสังหาฯ ดักกระแสฟื้นชิงลงทุน ระวัง! ภาพลวงตาผงกหัวยังไม่ขึ้น

ถึงชั่วโมงนี้ ความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ดูจะ เพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเหลียวมองปัจจัยรอบด้านที่ล้วนส่งสัญญาณในทางบวก โดยเฉพาะสถานการณ์การเมืองที่ดูนิ่งสงบ แม้ว่าจะยังมีความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ชวนให้หวาดเสียวอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มีอะไรรุนแรงเกิดขึ้น

เช่นเดียวกับภาวะเศรษฐกิจที่แม้ว่าวันนี้จะยังจมอยู่ที่ก้นเหว แต่สัญญาณต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทำให้รู้สึกว่าเศรษฐกิจโลกและของ ไทยคงจะไม่ตกลึกไปกว่านี้ และกำลังเข้าสู่ช่วงพลิกฟื้น ยิ่งเมื่อยอดขายบ้านนับหลังจากเหตุความไม่สงบเดือนเม.ย.เป็นต้นมาเริ่มขยับ ดีขึ้น ทำให้ความหวังเล็กๆ ที่จะได้เห็นตลาดหลุดพ้นจากภาวะชะลอตัว กลับมาเฉิดฉายกลายเป็นความหวังที่มี ขนาดใหญ่ขึ้นอีกครั้ง หลายค่ายจึงชิงลงทุนก่อน หวังดักหน้ากำลังซื้อที่เชื่อว่าจะคึกคัก

ความเชื่อมั่นอสังหาฯ ขยับขึ้น

ดูจากการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ของศูนย์ ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา จากจำนวนผู้ประกอบการที่ตอบแบบสอบถาม 149 บริษัท เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 28 บริษัท และบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ 121 บริษัท โดยมีค่าของดัชนีเท่ากับ 50

พบว่าความเชื่อมั่นในไตรมาส 2 ปี 2552 มีค่าดัชนีเท่ากับ 48.1 แม้ว่าจะต่ำกว่าค่ากลาง แต่ก็ปรับตัวสูงขึ้นจากไตรมาส 1/2552 ซึ่งมีค่าดัชนีเท่ากับ 42.2 และถือเป็นการฟื้นตัวต่อเนื่อง หลังจากที่เคยอยู่ในระดับต่ำสุดที่ 36.3 ในไตรมาส 4/2551 ส่วนดัชนีความคาดหวังในอีก 6 เดือนข้างหน้า มีค่าเท่ากับ 62.2 ปรับตัวสูงขึ้นมากจากไตรมาส 1/2552 ซึ่งมีค่าเท่ากับ 50.4

สัญญาณความเชื่อมั่นเป็นบวกทั้งไตรมาส 2 และอีก 6 เดือนข้างหน้า นั่นหมายความว่าเมื่อประเมินสถานการณ์ไปจนถึงสิ้นปี ผู้ประกอบการยิ่งมีความเชื่อมั่นมากขึ้นกว่าปัจจุบัน

นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ชี้ให้เห็นว่า ผู้ประกอบการเชื่อว่าเศรษฐกิจไทย และสถานการณ์การเมืองได้ปรับตัวดีขึ้นมาก โดยเฉพาะบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่มียอดขายสูงขึ้น และมีมุมมองเชิงบวกต่อการจ้างงานและการลงทุน ขณะที่บริษัทที่ไม่ได้จดทะเบียน ยังมีมุมมองต่อสถานการณ์ในปัจจุบันไม่ดีนัก สะท้อนออกมาผ่านค่าดัชนีที่ยังต่ำกว่าค่ากลาง

การที่ดัชนีความคาดหวังใน 6 เดือนข้างหน้าปรับสูงขึ้น แสดงให้เห็นว่าผู้ประกอบการยังเชื่อว่าเศรษฐกิจไทย และสถานการณ์การเมืองใน ครึ่งปีข้างหน้าจะปรับตัวดีขึ้น และเป็นที่น่าสังเกตว่าผู้ประกอบการทั้งจดทะเบียน และบริษัทที่ไม่ได้จด ทะเบียนต่างก็มีมุมมองเชิงบวกต่ออนาคต

ระวังภาพลวงตา ศก.ฟื้นไม่จริง

อย่างไรก็ตาม ความมั่นใจที่เต็มเปี่ยม และความหวังก้อนใหญ่ที่รอคอยจังหวะฟื้นตัวของตลาด ของผู้ประกอบการ อาจจะทำให้มองข้ามข้อเท็จจริงบางประการไป โดยเฉพาะข้อเท็จจริงที่ว่า วันนี้เศรษฐกิจไทยกำลังเริ่มเข้าสู่ภาวะฟื้น ตัวอย่างแท้จริงแล้วหรือยัง หรือเป็นภาพลวงตาจากความคาดหวังที่มากเกินไปกันแน่

เพราะในวันนี้นักวิเคราะห์หลายๆ สำนัก และ กูรูหลายๆ คนเริ่มออกมาแตะเบรกกันแล้วว่า อย่าหลงกระแสว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัว ภาวะตกต่ำอาจจะยังคงลากยาวไปมากกว่าปีนี้ก็เป็นได้

นายวสันต์ คงจันทร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส มองว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะฟื้นตัวในไตรมาส 4 นั้นถือเป็นเรื่องยาก เนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจครั้งนี้ เป็นปัญหาใหญ่ที่เกิดพร้อมกันทั่วโลก ประกอบกับภาคเศรษฐกิจไทยนั้นต้องพึ่งพิงกับภาคส่งออกถึง 70% ที่เหลือเป็นภาคการท่องเที่ยว ที่สัญญาณการฟื้นตัวยังไม่เกิดขึ้น

“หากจะประเมินเศรษฐกิจในครึ่งปีหลัง ผมมองว่ายังไม่ฟื้นตัวในไตรมาส 4 เนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกเริ่มเกิดในช่วงไตรมาส 3 ถึงไตรมาส 4 ของปีก่อน และหากจะฟื้นได้คงต้องใช้เวลาให้ครบรอบ 1 ปี ซึ่งสภาพเศรษฐกิจที่ตกต่ำพร้อมกันทั่วโลก ไม่เอื้อให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวกลับ มาได้เร็ว” นายวสันต์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ในภาคอสังหาริมทรัพย์ กำลังซื้อไม่ได้หายไปเหมือนในยุควิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 ความต้องการซื้อยังมีอยู่ จะเห็นได้ว่าอสังหาริมทรัพย์ในเมือง ราคาขายถือว่าอยู่ในช่วงที่น่าซื้อ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยเงินฝากนั้นถือว่ายังอยู่ในอัตราต่ำ ทำให้คนหันมาซื้อแทนการเก็บเงินฝากไว้กับสถาบันการเงิน

จังหวะนี้จึงถือเป็นการวัดใจของมืออาชีพ ว่าจะชิงโอกาสลงทุนดักหน้าเศรษฐกิจที่บางคนรู้สึกว่ามีสัญญาณดีเข้ามาบ้างแล้ว โดย เฉพาะพวกบิ๊กเนมสายป่านยาวที่เวลานี้แตะเบรกไม่อยู่ และพร้อมยอมรับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นได้หากสถานการณ์ไม่เป็นใจ แต่ถ้าเศรษฐกิจมีอันต้องพักฟื้นแบบลากยาวเป็นตัวยู (U) ฐานกว้าง ถึงเวลานั้นก็ตัวใครตัวมันสถานเดียว

ที่มา : โพสต์ทูเดย์ 14-07-52