ติดต่อ ที่ดินภูเก็ต : ศักดิ์ดา การวิจิตร โทร : 081-5377146 อีเมล์ : s_karnwigit@yahoo.com ...
10 กรกฎาคม 2552

รัฐบาลเล็งปลดล็อก ต่างชาติลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในไทย เผยเบื้องต้นบีโอไอ สนองนโยบาย

เปิด โอ-เซอร์วิส ให้บริการนักลงทุนต่างชาติครบวงจรที่จามจุรีสแควร์กระตุ้นกำลังซื้อ หลังเห็นส่งออก-ท่องเที่ยวหมดอนาคต ด้านหอการค้าต่างชาติได้ที เตรียมเสนอสมุดปกขาวไล่ยาวหวังขจัดอุปสรรคปัญหา แนะรัฐบาลผ่อนกฎเหล็กทั้งเพิ่มอายุสัญญาเช่าที่ดิน เพิ่มกรรมสิทธิ์คอนโดฯ เผยสวีเดนเล็งซื้ออีก 1 แสนยูนิตใน 10 ปีข้างหน้าหลังซื้อแล้ว 1 หมื่นยูนิต

นายปฏิมา จีระแพทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทยฯ และในฐานะประธาน คณะกรรมการอสังหาริมทรัพย์ หอการค้าร่วมต่างประเทศในประเทศไทยหรือ Joint Foreign Chambers of Commerce in Thailand ( JFCCT) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่าขณะนี้นักลงทุนต่างชาติมีความสนใจที่จะเข้ามาซื้อหรือลงทุนอสังหาริม ทรัพย์

ในประเทศไทยเป็นจำนวนมากแต่ติดปัญหาที่ความไม่สะดวกและเงื่อนไขทางด้าน กฎหมายหลายประการที่เป็นอุปสรรคในการลงทุน จึงมีแนวคิดในการศึกษารายละเอียดของอุปสรรคปัญหาต่าง ๆ เพื่อเสนอรัฐบาลผ่อนปรนให้เอื้อชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนกระตุ้นภาวะเศรษฐกิจ ในประเทศ

"เท่าที่ทราบจากการที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เตรียมเปิดให้บริการสำนักงาน วัน -เซอร์วิส วัน-สต็อป หรือ โอ-เซอร์วิส ที่อาคารจามจุรี สแควร์สามย่าน

ในเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักลงทุนต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทยแบบครบ วงจร อาทิ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง การขอใบอนุญาตทำงาน การขอวีซ่า ข้อมูลลู่ทางด้านการลงทุน ฯลฯ ที่จะรวบรวมไว้ที่เดียวกันทั้งหมดซึ่งจะสะดวกแก่นักลงทุนต่างชาติมากจากเดิม ที่กระจัดกระจายอยู่คนละที่ทำให้เสียเวลาในการติดต่อและขั้นตอนยุ่งยากและ เป็นอุปสรรคแต่เมื่อรัฐบาลนี้ทำได้ก็ถือว่าเดินทางถูกทาง"

นายปฏิมา ยังกล่าวอีกว่า โอ-เซอร์วิส ถือเป็นการปูทางที่จะดึงดูดให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศไทยที่ แทบไม่ต้องใช้งบประมาณในการดำเนินการเพียงแต่นำเอาหน่วยงานราชการที่มีอยู่ แล้ว เช่น เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง กรมแรงงาน เจ้าหน้าที่บีโอไอ นำมารวบรวมและอยู่ในสถานที่เดียวกันเพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น ซึ่งรัฐบาลนี้คงเห็นความสำคัญของเม็ดเงินลงทุนต่างชาติในไทยและคงเห็นว่าการ พึ่งพา ธุรกิจส่งออกและการท่องเที่ยวนั้นคงลำบากเพราะโอกาสที่จะฟื้นกลับมาเหมือน เดิมยังต้องใช้เวลาจึงหันมาให้ความสำคัญเรื่องนี้

นอกจากนี้ยังเตรียมรวบรวมปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ ที่ทำให้นักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย เพื่อนำเสนอนาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ซึ่งในวันที่ 24 กรกฎาคมนี้จะนำเสนอแนวทางในการศึกษาก่อน หลังจากนั้น 6 เดือนจะศึกษารายละเอียดทั้งหมดเพื่อส่งให้กับรัฐบาลอีกครั้งหนึ่ง โดยจะมีการเปรียบเทียบกับข้อมูลของประเทศเพื่อนบ้านเป็นสมุดปกขาวซึ่งขอบเขต ของการศึกษาจะเน้นเรื่องการผ่อนปรนกฎระเบียบในการถือครองของต่างชาติ อาทิ เช่น

1.สัญญาเช่าที่ดิน จะเสนอให้ยืดระยะเวลาออกไปจากเดิม 30 ปีให้มากกว่านั้นอาจจะเป็น 30+30 ปีเหมือนบางประเทศ เช่นเวียดนาม 50 ปีต่อ 70 ปีหรือ มาเลเซียให้ 999 ปี เป็นต้น

2.เพิ่มสัดส่วนให้ต่างชาติเข้ามาเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในอาคารชุด มากขึ้นจากเดิม 49% แต่เมื่อขายไม่ได้ก็มีการจัดตั้งบริษัทขึ้นมาเป็นนอมินี เพื่อเลี่ยงกฎหมายเปิดช่องให้ต่างชาติซื้อเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด

3. อนุญาตให้ต่างชาติสามารถขอสินเชื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยได้ จากเดิมที่ธนาคารแห่งประเทศไทยในอนุญาต ต้องไปขอสินเชื่อจากต่างประเทศนอกเหนือจากนี้ยังต้องกำหนดเงื่อนไขอื่น ๆ เพื่อป้องกันการซื้อไว้เก็งกำไร เช่น ถ้าโอนภายใน 1 ปีจะต้องเสียภาษี 20% ถ้าเกินกว่านั้นก็ลดหย่อนกันไปหรือถ้านำเงินเข้ามาลงทุนจำนวนหนึ่ง สามารถพาครอบครัวเข้ามาด้วย พร้อมได้ใบอนุญาตในการทำงาน เป็นต้นโดยจะมีการศึกษาและยึดข้อมูลของประเทศเพื่อนบ้านมาเปรียบเทียบ

"ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการเลี่ยงกฎหมายโดยตั้งนอมินีขึ้นมา เมื่อกฎระเบียบกำหนดไว้ชัดเจนจะช่วยได้ไม่ต้องมีการเลี่ยงไปโอนกันที่ต่าง ประเทศแจ้งราคาในประเทศต่ำเพื่อเลี่ยงภาษีเหมือนที่ผ่านมา อีกทั้งเมื่อรัฐบาลต้องปลดล็อกเงื่อนไขบางประการเพื่อกระตุ้นให้ต่างชาติ เข้ามาลงทุนได้มาก ขณะนี้มีคนสวีเดนเข้ามาซื้อบ้านในเมืองไทยเป็น 1 หมื่นยูนิต โดยท่านทูตสวีเดนประจำประเทศไทย บอกว่าจะเพิ่มเป็น 1 แสนยูนิตใน 10 ปีข้างหน้า เริ่มตั้งแต่ปี 2551 ซึ่งหมายถึงเม็ดเงินอีกมหาศาล อีกทั้งในวันที่ 4 มกราคม 2553 จะมีการจัดงานซื้อขายอสังหาริมทรัพย์สำหรับชาวต่างชาติโดยตรง "

ทั้งนี้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมากลุ่มนักท่องเที่ยวจากประเทศสแกนดิเนเวียได้ เข้ามาซื้อ บ้านพักตากอากาศ และคอนโดมิเนียม เป็นจำนวนมาก ซึ่งถือเสมือนเป็นบ้านที่สอง ในเมืองท่องเที่ยวหลักของไทย โดยชาวสวีเดนนิยมเข้ามาซื้ออสังหาฯ ในเมืองไทยมากที่สุด หลังจากก่อนหน้านั้นนิยมไปซื้อบ้านที่ประเทศสเปน

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ 09-11 ก.ค. 2552

0 ความคิดเห็น: